ชงชดเชยพื้นที่รับน้ำ5.5พันต่อไร่
กรมชลฯสรุปพื้นที่รับน้ำนอง 3.7 ล้านไร่จ่ายชดเชยเฉลี่ย 5.5 พันบาทต่อไร่ เตรียมสรุปเสนอนายกฯ 27 ก.พ.
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าขณะนี้คณะทำงานจัดหาพื้นที่รับน้ำนองเร่งสรุปพื้นที่รับน้ำและแก้มลิงและหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเกษตรกรเพราะต้องใช้พื้นที่การเกษตรเป็นพื้นที่รองรับน้ำหลากเป็นการชะลอและป้องกันอุทกภัยปี 2555 โดย จะเสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 ก.พ.นี้
ทั้งนี้หลักเกณฑ์การใช้พื้นที่จะแบ่งเป็น 6 กลุ่มพื้นที่ และแต่พื้นที่การชดเชยจะไม่เท่ากันเพราะบางพื้นที่ปกติน้ำไม่เข้าท่วมมากแต่ต้องการตัดยอดน้ำหรือตัดปริมาตรน้ำออกจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาก่อนเข้าเขื่อนเจ้าพระยา เช่นโครงการชลประทานเริงราง จ.ลพบุรี โครงการชลประทานมโนรมย์ จ.ชัยนาท ตรงจุดพื้นที่เหล่านี้ต้องจัดเป็นพื้นที่ท่วมพิเศษ และบางพื้นที่ยังไม่มีคันกั้นน้ำจะต้องเร่งก่อสร้าง ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีระดับความลึกของน้ำไม่เท่ากัน เพื่อรักษาพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนเมือง จากพื้นที่เสียหายทั้งหมดในปี 54 มีมากถึง 10 ล้านไร่
รายงานข่าวแจ้งว่า กรมชลประทานได้หาพื้นที่แก้มลิงได้ทั้งหมด 3.7 ล้านไร่ สามารถรองรับน้ำได้ 6.4 พันล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) จากที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ(กยน.) ประมาณการว่าในปีนี้จะมีน้ำประมาณ 1 หมื่นล้านลบ.ม. โดยที่ปริมาณน้ำที่เหลือจากพื้นที่แก้มลิงจะถูกระบายออกทะเล
นอกจากนั้นจะเสนอกยน. เพื่อของบประมาณอีก 800 ล้านบาทเพื่อขุดลอกคลองระพีพัฒน์ และแม่น้ำท่าจีนให้ระบายน้ำได้ 300 ลบ.ม.ต่อวินาที
สำหรับแนวทางในการชดเชยและการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ สำหรับพื้นที่รับน้ำนอง นั้นได้มีการกำหนดเป็น 2 แนวทางประกอบด้วย 1. แนวทางที่น้ำมาหรือไม่ก็ต้องจ่าย เป็นกรณีที่รัฐกำหนดให้เกษตรกรงดปลูกพืชในช่วง 3 เดือนก.ย.-พ.ย. เพื่อเป็นพื้นที่รับน้ำนอง รัฐต้องจ่ายโดยไม่มีเงื่อน 2. จะจ่ายต่อเมื่อน้ำเข้าไปในพื้นที่รับน้ำ โดยจะชดเชยประมาณ 5,597 บาทต่อไร่ และค่าเช่าประมาณ 525 บาทต่อไร่ ต่อรอบการทำนา และกรณีพ้น 3เดือนรัฐยังไม่สามารถระบายน้ำได้จากจ่ายชดเชยเป็นสองเท่าเนื่องจากเป็นการทำให้เสียโอกาสในการทำนา
