ราชกิจจาฯ เผยแพร่ พรฎ.จัดระเบียบราชการและบริหารบุคคลในพระองค์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ เพื่อปฏิบัติภารกิจราชการในพระองค์ถวายองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ตามพระราชอัธยาศัยขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา จัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เป็นปีที่ 2 ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 วรรคสอง มาตรา 175 และมาตรา 183 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560”
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ส่วนราชการในพระองค์มีส่วนราชการ ดังต่อไปนี้
(1) สํานักงานองคมนตรี
(2) สํานักพระราชวัง
(3) หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
ส่วนราชการในพระองค์ตามวรรคหนึ่งให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิบัติภารกิจราชการในพระองค์ถวายองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ตามพระราชอัธยาศัยขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์
มาตรา 4 สํานักงานองคมนตรีมีหน้าที่สนับสนุนภารกิจขององคมนตรีในการปฏิบัติหน้าที่ถวายพระมหากษัตริย์และการอื่นตามพระราชอัธยาศัย โดยมีเลขาธิการองคมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัยเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการปฏิบัติราชการ
ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้เลขาธิการองคมนตรีเป็นผู้แทนของสํานักงานองคมนตรี
เลขาธิการองคมนตรีหรือข้าราชการในพระองค์ในสํานักงานองคมนตรีซึ่งทรงกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมอบอํานาจให้บุคคลอื่นซึ่งเป็นข้าราชการในพระองค์กระทําการแทนก็ได้
มาตรา 5 สํานักงานองคมนตรีมีส่วนราชการ ดังต่อไปนี้
(1) สํานักงานเลขาธิการองคมนตรี
(2) กองนิติการ
(3) ส่วนราชการอื่นตามที่กําหนดโดยประกาศสํานักงานองคมนตรี
หน้าที่ของส่วนราชการ การกําหนดตําแหน่งในส่วนราชการ และการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กําหนดโดยประกาศสํานักงานองคมนตรี
การรวม การโอน การปรับปรุง การเปลี่ยนชื่อ หรือการยุบเลิกส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง ให้ทําเป็นประกาศสํานักงานองคมนตรี
มาตรา 6 สํานักพระราชวังมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการในพระองค์ทั่วไป การเลขานุการในพระองค์ การจัดการพระราชวังและงานพระราชพิธี การดูแลรักษาทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์และการอื่นตามพระราชอัธยาศัย โดยมีเลขาธิการพระราชวังซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัยเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการปฏิบัติราชการ
ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้เลขาธิการพระราชวังเป็นผู้แทนของสํานักพระราชวัง
เลขาธิการพระราชวังหรือข้าราชการในพระองค์ในสํานักพระราชวังซึ่งทรงกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมอบอํานาจให้บุคคลอื่นซึ่งเป็นข้าราชการในพระองค์กระทําการแทนก็ได้
มาตรา 7 สํานักพระราชวังมีส่วนราชการ ดังต่อไปนี้
(1) ศาลาว่าการสํานักพระราชวัง
(2) กรมราชเลขานุการในพระองค์
(3) กรมกิจการในพระบรมวงศานุวงศ์
(4) กรมมหาดเล็ก
(5) กรมสนับสนุน
(6) กรมกิจการพิเศษ
(7) ส่วนราชการอื่นตามที่กําหนดโดยประกาศสํานักพระราชวัง
หน้าที่ของส่วนราชการ การกําหนดตําแหน่งในส่วนราชการ และการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้ง การแบ่งส่วนงานภายในของส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กําหนดโดยประกาศสํานักพระราชวัง
การรวม การโอน การปรับปรุง การเปลี่ยนชื่อ หรือการยุบเลิกส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง ให้ทําเป็นประกาศสํานักพระราชวัง
มาตรา 8 หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์มีหน้าที่วางแผน อํานวยการ ประสานงาน บังคับบัญชา ควบคุม กํากับดูแลและปฏิบัติงานในการถวายอารักขาและถวายพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศานุวงศ์ และบุคคลอื่นตามที่พระมหากษัตริย์ทรงมอบหมาย รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ทางพระราชพิธีตามที่ได้รับมอบหมาย และการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเขตพระราชฐาน ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์และพระราชอาคันตุกะ
ให้หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์มีการบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์
ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ข้าราชการในพระองค์ในหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งทรงกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นผู้แทนของหน่วยบัญชาการ ถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ โดยจะทรงกําหนดให้มีอํานาจมอบอํานาจให้บุคคลอื่น ซึ่งเป็นข้าราชการในพระองค์กระทําการแทนในกิจการตามที่ทรงกําหนดด้วยก็ได้
มาตรา 9 หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์มีส่วนราชการ ดังต่อไปนี้
(1) สํานักงานผู้บังคับบัญชา
(2) สํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์
(3) สํานักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์
(4) กรมราชองครักษ์
(5) หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
(6) สํานักงานนายตํารวจราชสํานักประจํา
(7) ส่วนราชการอื่นตามที่กําหนดโดยประกาศหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
หน้าที่ของส่วนราชการ การกําหนดตําแหน่งในส่วนราชการ และการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งการแบ่งส่วนงานภายในของส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามประกาศหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
การรวม การโอน การปรับปรุง การเปลี่ยนชื่อ หรือการยุบเลิกส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง ให้ทําเป็นประกาศหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
มาตรา 10 ข้าราชการในพระองค์ ได้แก่ข้าราชการดังต่อไปนี้
(1) องคมนตรี
(2) ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน
(3) ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร
(4) ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายตํารวจ
บรรดาบทกฎหมายใดที่บัญญัติถึงคําว่าข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ มิให้หมายความรวมถึงข้าราชการในพระองค์ตามมาตรานี้ ทั้งนี้ เว้นแต่การมีสถานภาพเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารให้มีสถานภาพเป็นทหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร กฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม กฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหาร ประมวลกฎหมายอาญาทหาร กฎหมายว่าด้วยยศทหาร กฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบทหาร และกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารด้วย เว้นแต่จะกําหนดไว้เป็นการเฉพาะตามพระราชกฤษฎีกานี้หรือตามระเบียบหรือประกาศที่ออกตามพระราชกฤษฎีกานี้
ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายตํารวจให้มีสถานภาพเป็นข้าราชการตํารวจตามกฎหมายว่าด้วยตํารวจแห่งชาติ เว้นแต่จะกําหนดไว้เป็นการเฉพาะตามพระราชกฤษฎีกานี้หรือตามระเบียบหรือประกาศที่ออกตามพระราชกฤษฎีกานี้
การแต่งตั้งให้ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารและข้าราชการในพระองค์ฝ่ายตํารวจมียศชั้นใด หรือถอดผู้ใดออกจากยศชั้นใด ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
มาตรา 11 ประกาศตามมาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 10 นั้น ให้ส่วนราชการในพระองค์ที่รับผิดชอบจัดทําร่างประกาศขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อมีพระราชวินิจฉัย และเมื่อทรงเห็นชอบแล้ว ให้หัวหน้าส่วนราชการในพระองค์เป็นผู้ลงนามประกาศเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนพระราชอํานาจที่จะมีพระราชวินิจฉัยให้ปฏิบัติเป็นอย่างอื่นเป็นกรณีเฉพาะ
มาตรา 12 การแต่งตั้งและการพ้นจากตําแหน่งองคมนตรีให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
การปฏิบัติหน้าที่ขององคมนตรี นอกจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว องคมนตรีในฐานะข้าราชการในพระองค์มีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจตามที่พระมหากษัตริย์ทรงกําหนดหรือทรงมอบหมาย
ให้องคมนตรีได้รับเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่น รวมทั้งบําเหน็จบํานาญหรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นขององคมนตรีซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามที่พระมหากษัตริย์ทรงกําหนด ตามพระราชอัธยาศัย และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 13 เว้นแต่ข้าราชการในพระองค์ในตําแหน่งองคมนตรี การให้ข้าราชการในพระองค์ผู้ใดปฏิบัติงานในส่วนราชการในพระองค์หน่วยใดและดํารงตําแหน่งใด รวมทั้งการโอน การย้าย และการให้พ้นจากตําแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย เพื่อการนี้จะทรงกําหนดหรือทรงมอบหมายให้ข้าราชการในพระองค์ผู้ใดเป็นผู้ลงนามในคําสั่งเกี่ยวกับการดํารงตําแหน่งของข้าราชการในพระองค์ดังกล่าวก็ได้
ข้าราชการในพระองค์จะเป็นองคมนตรี ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร และข้าราชการในพระองค์ฝ่ายตํารวจ ในขณะเดียวกันมิได้
มาตรา 14 การโอนข้าราชการในพระองค์ไปเป็นข้าราชการฝ่ายอื่นที่มิใช่ข้าราชการในพระองค์ หรือการโอนข้าราชการฝ่ายอื่นเช่นว่านั้นมาเป็นข้าราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดําเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อให้มีการโอนตามพระราชอัธยาศัยต่อไป
มาตรา 15 การดําเนินการเกี่ยวกับราชการในพระองค์และการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย เพื่อการนี้จะทรงกําหนดหรือทรงมอบหมายให้ข้าราชการในพระองค์ผู้ใดเป็นผู้ลงนามในหมายรับสั่งเพื่อรับผิดชอบในการนําไปปฏิบัติต่อไปก็ได้
การดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงการดําเนินการดังต่อไปนี้ด้วย
(1) การปฏิบัติราชการของส่วนราชการในพระองค์
(2) การกําหนดตําแหน่ง บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่ง การได้รับบําเหน็จบํานาญ และค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของข้าราชการในพระองค์
(3) การบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนเงินเดือน การเลื่อนตําแหน่ง การควบคุมการปฏิบัติราชการ การรักษาราชการแทน การปฏิบัติราชการแทน การมอบอํานาจหรือมอบหมายการปฏิบัติราชการ วินัย การออกจากราชการ และการอื่นตามความจําเป็นในการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์
(4) การกําหนดวิธีการจ้าง เงื่อนไขการปฏิบัติงาน อัตราการจ้างและสิทธิประโยชน์อื่นใดของพนักงาน ลูกจ้าง และผู้ปฏิบัติงานอื่นในส่วนราชการในพระองค์
(5) การกําหนดเครื่องแบบและการแต่งกาย การได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ การกําหนดวันเวลาทํางานและวันหยุด การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ และการจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อื่นของข้าราชการในพระองค์ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ปฏิบัติงานอื่นในส่วนราชการในพระองค์
(6) การแต่งตั้งที่ปรึกษา ผู้ชํานาญการเฉพาะด้าน หรือคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนราชการในพระองค์ รวมทั้งการกําหนดค่าตอบแทนและประโยชน์ตอบแทนอื่น
(7) การงบประมาณและการบริหารจัดการทรัพย์สินอื่น การเงิน การบัญชี รวมทั้งการพัสดุของส่วนราชการในพระองค์
(8) การอื่นที่จําเป็นและเหมาะสมแก่การปฏิบัติราชการในพระองค์ในกรณีที่การดําเนินการใดที่เกี่ยวกับราชการในพระองค์ ถ้ามีพระราชประสงค์ให้ทําเป็นระเบียบ หรือประกาศเพื่อให้ใช้บังคับเป็นการทั่วไปสําหรับส่วนราชการในพระองค์ทุกหน่วยหรือส่วนราชการในพระองค์หน่วยใดเป็นการเฉพาะ จะทรงกําหนดหรือทรงมอบหมายให้ข้าราชการในพระองค์ หรือส่วนราชการในพระองค์หน่วยใดเป็นผู้รับผิดชอบจัดทําร่างระเบียบหรือร่างประกาศให้เป็นไปตามพระราชประสงค์แล้วนําขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อมีพระราชวินิจฉัย และเมื่อทรงเห็นชอบแล้ว ให้หัวหน้าส่วนราชการในพระองค์ที่ทรงมอบหมายเป็นผู้ลงนามในระเบียบหรือประกาศนั้น เพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนพระราชอํานาจที่จะมีพระราชวินิจฉัยให้ปฏิบัติเป็นอย่างอื่นเป็นกรณีเฉพาะ
ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นใดกําหนดการดําเนินการอย่างใดตามมาตรานี้ไว้ มิให้นํากฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับกับการดําเนินการตามที่ทรงกําหนดในมาตรานี้
มาตรา 16 ในการจัดทําคําของบประมาณ ให้สํานักพระราชวังเป็นผู้รวบรวมความต้องการใช้งบประมาณจากส่วนราชการในพระองค์แต่ละหน่วย เพื่อจัดทําเป็นคําของบประมาณของส่วนราชการในพระองค์ แล้วแจ้งต่อคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่ส่วนราชการในพระองค์ต่อไป
หลักเกณฑ์ในการจัดทําคําของบประมาณและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามที่สํานักพระราชวังกําหนด
มาตรา 17 การโอนกิจการ อํานาจหน้าที่ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน เงินงบประมาณ อัตรากําลังพลหรือตําแหน่งและอัตราเงินเดือน รวมทั้งข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นของสํานักราชเลขาธิการและสํานักพระราชวังตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม กรมราชองครักษ์และหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และสํานักงานนายตํารวจราชสํานักประจํา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยตํารวจแห่งชาติ ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไปเป็นของส่วนราชการในพระองค์หน่วยใดตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้เป็นไปตามรายละเอียดที่กําหนดโดยประกาศการโอนกิจการ อํานาจหน้าที่ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน เงินงบประมาณ อัตรากําลังพลหรือตําแหน่งและอัตราเงินเดือน รวมทั้งข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในส่วนราชการในพระองค์ ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการโอนที่กําหนดในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 และตามพระราชอัธยาศัย
ประกาศตามวรรคหนึ่ง จะทรงมอบหมายให้ผู้ใดเป็นผู้ลงนามในประกาศนั้นก็ได้
ในระหว่างที่ยังไม่มีประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้สํานักงบประมาณและกรมบัญชีกลางดําเนินการโอนเงินงบประมาณของส่วนราชการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา 18 ให้องคมนตรีได้รับเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่ได้รับอยู่เดิมในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เว้นแต่จะมีพระราชวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น
ให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ปฏิบัติงานอื่นที่โอนมาปฏิบัติราชการในส่วนราชการในพระองค์ ยังคงดํารงตําแหน่งและได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน เงินประจําตําแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่นเช่นเดียวกับที่เป็นอยู่เดิมในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เว้นแต่จะมีพระราชวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น หรือมีการจัดระเบียบราชการหรือการบริหารงานบุคคลตามพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับแทน
มาตรา ๑๙ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
โดยในส่วนหมายเหตุระบุเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 15 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในพระองค์ ได้บัญญัติให้การจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกา ประกอบกับมาตรา 12 และมาตรา 183 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติเกี่ยวกับองคมนตรีไว้ จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
