ปตท.สผ.ตั้งงบลงทุน 5 ปี 6 แสนล้าน
ปตท.สผ. ตั้งเป้าซื้อกิจการต่างประเทศปีละ 1-2 ดีล หวังเพิ่มอัตราการเติบโต ตั้งงบลงทุน 5 ปี 6 แสนล้าน กว่า 50% ใช้ในโครงการใหม่
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) เปิดเผยว่าบริษัทพยายามจะซื้อกิจการในต่างประเทศให้ได้ปีละ 1-2 ดีล โดยโฟกัสในหลายภูมิภาค ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และ อเมริกาใต้ ซึ่งต้องดูการลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของบริษัท ทั้งขนาดพอร์ตลงทุน และผลตอบแทนที่ได้รับ
หากเป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ บริษัทจะหาพันธมิตรเข้าไปร่วมลงทุน ส่วนในภูมิภาคยุโรป บริษัทไม่ได้เข้าไปดูเท่าที่ควร เนื่องจากโครงการผลิตและสำรวจปิโตรเลียมในแถบยุโรปค่อนข้างอิ่มตัว อาจมีการซื้อขายโครงการบ้าง แต่โอกาสการเติบโตมีน้อย
"บริษัทจะพยายามหาโครงการใหม่ๆ เข้ามา เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท หากไม่มีการควบรวมกิจการในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะโตเฉลี่ยปีละประมาณ 4%โดยเติบโตสูงในช่วงแรกและเติบโตน้อยในปีหลัง ซึ่งคาดการณ์ว่าปีนี้ยอดขายบริษัท จะโต 7% และเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักในปี 2556" นายอนนต์ กล่าว
เขากล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลดีต่อบริษัท ที่จะทำให้ราคาปิโตรเลียมทั้งก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมัน ณ ปากหลุมปรับเพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยในปี 2554 อยู่ที่ระดับ 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะปรับขึ้นไม่มาก ต้องติดตามดูสถานการณ์ในอิหร่านว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน ขณะนี้บริษัทยังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แผน 5 ปีใช้เงินลงทุน 6 แสนล้าน
ส่วนแผนลงทุนช่วง 5 ปี บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนรวม 6 แสนล้านบาท ไม่รวมงบการซื้อกิจการ โดย 50% หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนในโครงการใหม่ อีก 15% เป็นงบลงทุนขุดเจาะและสำรวจ ส่วนอีก 35% เป็นการลงทุนในโครงการเดิม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการค่อนข้างสูง
นายอนนต์ เปิดเผยว่า บริษัทได้แจ้งความประสงค์เข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัท cove energy ที่ชำระแล้วและยังไม่ได้ชำระทั้งหมดที่ราคา220 เพนซ์อ คิดเป็น มูลค่า 1119.6 ล้านปอนด์สเตอลิง หรือราว 5.6 หมื่นล้านบาท บริษัท cove เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด alternative investment market (aim) ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีสินทรัพย์หลักคือ การถือสัดส่วน 8.5% ในแปลงสัมปทาน rovuma offshore area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าวนั้น เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ และคาดว่าจะมีปริมาณสำรอง ประมาณ 30 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต รวมถึงแหล่งน้ำมัน black pearl prospectนอกจากนี้ cove ยังถือสัดส่วน 10 %ในแปลงสัมปทาน rovuma onshore area ในประเทศสาธารณรัฐโมซัมบิก รวมถึงการถือสัดส่วน10 - 25 %ในแปลงสัมปทานน้ำลึกอีก 7 แปลงในประเทศเคนยาอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการทำคำเสนอซื้อครั้งนี้จะมีผลผูกพันต่อเมื่อคณะกรรมการบริษัทCove มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ยอมรับข้อเสนอปตท.สผ.โดยปราศจากเงื่อนไขปตท.สผ. ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเว้นเงื่อนไขเบื้องต้นบางส่วน หรือทั้งหมด ในเวลาใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของปตท.สผ. ซึ่งปตท.สผ.ไม่มีภาระผูกพันที่จะยื่นข้อเสนอสุดท้ายแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเงื่อนไขบางข้อหรือทั้งหมดได้ถูกดำเนินการแล้วเสร็จหรือได้รับยกเว้น
ทั้งนี้ทรัพย์สินหลักและโครงการของ Cove มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว ของกลุ่ม ปตท. การประกาศความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นตาม ข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับ ปตท.สผ. ในการเข้าถึงแหล่งพลังงานในแถบแอฟริกาตะวันออกที่มีศักยภาพทางไฮโดรคาร์บอนสูง โดยปตท.สผ.มีความมุ่งมั่นที่จะใช้ประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพื่อสนับสนุนให้ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงาน
หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและสาธารณรัฐโมซัมบิก สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการทำคำเสนอซื้อในครั้งนี้จะมาจากเงินสดคงเหลือของปตท.สผ. และวงเงินสินเชื่อที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน ปตท.สผ. มีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแอฟริกาเหนือ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ในประเทศแอลจีเรีย และ โครงการโรมมานา ในประเทศอียิปต์
ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์รายงานว่าผลการดำเนินงานของบริษัทปตท.สผ.งวดปี 2554 รวมบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 44,748 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 43,773 ล้านบาท
บล.เกียรตินาคิน วิเคราะห์ว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิของ ปตท.สผ.ปี 2555 ไว้ที่ 47,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า คาดมียอดขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 2.84 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 7% โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ได้แก่ แหล่งบงกชใต้ จะเริ่มผลิตไตรมาส 1 ปีนี้ และโครงการมอนทารา เริ่มไตรมาส 2 ปีนี้ ประเมินราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ของบริษัท ไว้ที่ 52.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 5% จากปีก่อนหน้า ผลจากมุมมองเชิงลบต่อราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะอยู่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามพื้นฐานที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจที่ยังเป็นปัจจัยลบต่อความต้องการ
ดังนั้นการเพิ่มทุน ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากบริษัทคงเป้ายอดขายปี 2558 ที่ 5 แสนบาร์เรลต่อวัน สูงกว่าเป้ายอดขายปัจจุบัน 76% โดยคาดการเติบโตยอดขายมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ การเติบโตยอดขายปิโตรเลียมจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสน บาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2558 โดยโครงการสำคัญส่วนใหญ่เป็นโครงการปิโตรเลียมในพม่า รวมทั้งในแอลจีเรีย ที่จะทยอยดำเนินการผลิตในปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ
การลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและใกล้ดำเนินการผลิต หรือดำเนินการผลิตอยู่แล้ว อีกไม่น้อยกว่า 1 แสนบาร์เรลต่อวัน เพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัท ซึ่งเป็นประเด็นที่นำไปสู่ความกังวลต่อการเพิ่มทุนของปตท.สผ. ในช่วงที่ผ่านมา![]()
