“พล.อ.อ.สุกำพล” สั่งปรับโครงสร้างกองทัพให้ทันสมัย เน้นปรับ 9 ข้อ
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (29 ก.พ.) พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว. กลาโหมเป็นประธานและมี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.เข้าร่วมประชุม ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศจึงส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมโดยที่ประชุม รมว.กลาโหม ได้กำหนดให้มีการปรับโครงสร้างกองทัพให้มีความเหมาะสมกะทัดรัดทันสมัย และสมดุลระหว่างหน่วยปฏิบัติกับสายการบังคับบัญชา พร้อมรองรับภารกิจสภาพแวดล้อมทั้งในปัจจุบัน และ อนาคต ซึ่งการขยายหน่วย หรือ การจัดตั้งหน่วยใหม่จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน และเนื่องจากเหตุผลความจำเป็นของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ได้เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ทหารต้องพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจตามรัฐธรรมนูญ ภาระหน้าที่ในมิติใหม่ สามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
จากปัญหาด้านกำลังพลของกระทรวงกลาโหม และการได้รับสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลที่มีจำกัด ทำให้ไม่สามารถดำเนินการบริหารกองทัพอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ประชุมจึงได้กำหนดแนวทางในการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ เพื่อให้ในที่ประชุมได้มีการพิจารณา 9 ข้อคือ 1.ปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้กระทัดรัดเหมาะสม สมดุลกับส่วนต่าง ๆ 2.การปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานใหม่ต้องมีเหตุผลรองรับชัดเจน และต้องเป็นหน่วยงานที่รองรับนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด และการแก้ไขปัญหาอุทกภัย 3.จะต้องพิจารณามาตรฐานการจัดหน่วยให้เหมาะสม โดยไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลังพล งบประมาณ
พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ส่วนข้อที่ 4.ต้องมุ่งสู่การพิจารณาประสิทธิภาพของภารกิจมิใช่เป็นการปรับปรุงโครงสร้างเพื่อแก้ไขกำลังพล 5.ใช้การรวมหน่วยงาน หรือ ภารกิจหน่วยงานที่มีความคล้ายคลึงกัน เพื่อให้มีเอกภาพในการปฏิบัติงาน 6.ยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่คุ้มค่า ซับซ้อน และ ไม่ประหยัด หรือ ปรับโอนงานบางอย่างให้เอกชนดำเนินการ 7.มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพกำลังพล ด้วยระบบการบริหารจัดการของกำลังพลที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ 8.การปรับลดอัตรากำลัง โดยมุ่งเน้นการปรับลดกำลังพลที่บรรจุจริงควบคู่กันไป ไม่ใช่การปรับลดอัตรา รวมทั้งการดำเนินการ ต้องให้มีช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านอย่างเหมาะสม และ 9.จะต้องคำนึงถึงหลักสากลธรรมเนียบปฏิบัติของกองทัพอารยะประเทศโดยสมาชิกสภากลาโหมได้เห็นชอบกับแผนการปรับโครงสร้างของกองทัพทั้ง 9 ข้อ
โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาทบทวนแผนแม่บทในการปรับปรุงโครงสร้างของกองทัพในปี50 – 59 เป็นเวลา 10 ปี โดยนำแผนแม่บทในห้วงระยะเวลาในปี50-55 มาปรับปรุงปรับใช้ในปี56-59 ซึ่งในส่วนของกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล ได้แต่งตั้งให้ พล.อ.เสถียร เป็นประธาน และรองปลัดกระทรวงกลาโหม และ นายทหารที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย มีเสนาธิการทหารเป็นประธาน และคณะทำงานจากหน่วยที่เกี่ยวข้องของแต่ละเหล่าทัพเป็นกรรมการ โดยมีการพิจารณาอยู่ 2 ส่วนคือการพัฒนาระบบงาน และ โครงสร้าง.

