ดีเอสไอลุยจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มูลค่ากว่า 15 ล้าน
ดีเอสไอลุยจับโกดัง-ร้านค้า รวม 5 จุด หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท เผยมีนายทุนใหญ่เป็นชาวไทยและต่างชาติ ลงทุนทำห้องลับเป็นโชว์รูมหวังตบตาตำรวจ
เมื่อเวลา 23.00 น.(29 ก.พ.55) นายประวิทย์ ชัยบัวแดง ผอ.กรมสอบสวนคดีพิเศษภาคตะวันออก หรือ ดีเอสไอ (ภาคตะวันออก) สืบทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงวางแผนนำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 100 นาย แบ่งออกเป็น 5 ชุด บุกเข้าตรวจโกดังและร้านค้าเป้าหมายรวม 5 จุด ภายในศูนย์การค้าเคมาร์เก็ต ย่านพัทยาใต้
จากการตรวจสอบในจุดแรก พบว่าผู้ประกอบการได้จัดหน้าร้านให้เป็นลักษณะแกลเลอรี่แสดงภาพวาดและงานศิลปะต่างๆ แต่เมื่อปลดภาพวาดออก ปรากฏว่ามีบานประตูซุกซ่อนอยู่ และประตูถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนา จนท.จึงจำเป็นต้องพังเข้าไป ด้านในพบมีห้องลับที่ทำไว้อยู่อีกหลายห้อง ภายในมีสินค้า อาทิ นาฬิกาข้อมือก๊อปปี้ยี่ห้อดัง จัดแสดงอยู่เป็นชั้นๆ ส่วนในจุดอื่นๆ ก็มีการทำห้องลับไว้จัดแสดงสินค้าประเภทอื่นเช่นกัน อาทิ กระเป๋าสะพายก็อปปี้ยี่ห้อดังๆ ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อกุซชี่, หลุยส์ วิตตอง, แชนแนล ฯลฯ รวมสินค้าที่ยึดได้มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท พร้อมกับจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานเฝ้าโกดังได้อีกจำนวน 4 คน ประกอบด้วย น.ส.ขนิตา ศรีดอกจันทร์ อายุ 25 ปี น.ส.นิตยา อ่อนอัฐ อายุ 31 ปี น.ส.จันทร์ธานี รัตน์พันธ์ อายุ 30 ปี และ น.ส.นูนู อายุ 31 ปี สัญชาติเนปาล
นายประวิทย์ ชัยบัวแดง เปิดเผยว่า ก่อนหน้าทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สืบทราบว่า มีนายทุนชาวไทยและต่างชาติ สั่งสินค้าค้าละเมิดลิขสิทธิ์มาจากประเทศจีนและกัมพูชา ก่อนจะนำมาเก็บไว้ที่โกดังในเมืองพัทยา แล้วจัดแสดงเป็นโชว์รูมภายในห้องลับที่ทำตบตาตำรวจเพื่อป้องกันการถูกจับกุม เมื่อลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวต่างชาติมาสั่งซื้อสินค้าทีละมากๆ ก็จะให้พนักงานพาเข้าไปเลือกสินค้าที่ต้องการ จากนั้นจะตกลงราคาและจ่ายเงินก่อนส่งมอบสินค้า ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง และปัจจุบันไทยถูกเพ่งเล็งว่าเป็นแหล่งลักลอบจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ลำดับต้นๆ ของโลก ทางดีเอสไอ จึงดำเนินการสืบสวนและนำกำลังบุกค้นโกดังสินค้าจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลางได้จำนวนมากดังกล่าว.

