“สุรพล” ชี้ 10 อรหันต์เดินหน้ากำหนดหลักประกันแก้ รธน. "มาตราไหนห้ามแตะ"
"สุรพล" ชี้ ไร้ช่องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแก้ ม.291 เดินหน้ากำหนดหลักประกันในการแก้ รธน. ระบุชัด ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะแก้ไม่ได้
วันที่ 6 มีนาคม ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 2/ 2555 โดยมี ศ.(พิเศษ) นรนิติ เศรษฐบุตร ประธานคณะกรรมการฯ ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ และ รศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ กรรมการ ร่วมประชุมกันกว่า 3 ชั่วโมง
ศ.ดร.สุรพล กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมวันนี้ได้มีการปรึกษาหารือกันถึงความชอบในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่มีการยกร่างแก้รัฐธรรมนูญกันทั้งฉบับว่า ทำได้หรือทำไม่ได้ ซึ่งคณะที่ปรึกษาฯ ได้มีการพูดคุยกันทั้งในแง่มุมกฎหมาย การปกครองและอำนาจอธิปไตย พร้อมทั้งมีการหยิบยกข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ มาหารือ ซึ่งพบว่า ในประวัติศาสตร์การเมืองเคยมีการแก้รัฐธรรมนูญในลักษณะที่มีการเขียนใหม่ทั้งฉบับมาแล้วหลายครั้งในอดีต เช่นในปี พ.ศ.2489 พ.ศ.2492 พ.ศ.2540 ถ้าไม่นับรวมรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่เกิดจากกระบวนการให้มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว และการร่างหลังจากที่มีรัฐประหารเกิดขึ้น
"การพิจารณาในประเด็นนี้ กรรมการมีทั้งอภิปรายสนับสนุน และคัดค้าน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีการลงมติแต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่า คณะที่ปรึกษาฯไม่มีช่องทางที่จะกำหนด บัญญัติ ชี้ขาดในเรื่องนี้ อีกทั้งสภาได้ให้ความเห็นชอบวาระ 1 ไปแล้ว และเมื่อกระบวนการกำลังเดินหน้าต่อไป คณะที่ปรึกษาฯ ก็ควรจะต้องเสนอหลักการอะไรบ้างอย่าง เพื่อเป็นหลักประกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่าการตอบคำถามว่า การแก้ทั้งฉบับ ทำได้หรือทำไม่ได้ ขณะเดียวกันยังพบว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ได้กำหนดช่องทางในการตรวจสอบ และไม่ได้มีการเขียนเอาไว้ว่า ถ้ามีการยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญจะต้องทำอย่างไร รวมทั้งยังไม่เห็นว่ามีช่องทางที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในกรณีดังกล่าวได้อีกด้วย"
ขณะที่ ศ.ดร.สุรพล กล่าวถึงหลักประกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า คณะที่ปรึกษาได้พูดคุยกัน เช่น ในเรื่องรูปแบบของรัฐ ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นจะแก้ไม่ได้ อีกทั้งจะต้องมีหลักประกันในเรื่องกลไกการถ่วงดุล กลไกตรวจสอบอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงในเรื่องความเป็นอิสระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องมีงบประมาณ อำนาจในการบริหารตนเอง ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น จะมีการหารือในการประชุมครั้งหน้า วันที่ 14 มี.ค. อย่างไรก็ตาม หลักประกันดังกล่าว ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินให้ความเห็นชอบก็จะเสนอต่อไปยังคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา เพื่อนำเสนอว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีประเด็นอย่างไรบ้าง
