อดีตผู้ว่า ร.ฟ.ท. ขอ รบ.ไม่กั๊กข้อมูลรถไฟเร็วสูง หวังประโยชน์สถาบันศึกษาพัฒนาหลักสูตรระบบราง
อดีตผู้ว่า ร.ฟ.ท.ขอรัฐบาลชี้แจงโครงการรถไฟเร็วสูงครบถ้วน เพื่อสถาบันศึกษาพัฒนาหลักสูตรระบบราง เชื่อคนไทยหนุน-เชื่อมั่นบิ๊กตู่ แนะเร่งส่งบุคลากรเรียนรู้เทคโนโลยีจากจีน ด้านนักวิชาการ มธบ.เสียดายไทยขาดการวางแผนชัดเจน ทำให้ขาดความพร้อม อดีตฑูตประจำปักกิ่ง มั่นใจบริหารจัดการเทคโนโลยีรับถ่ายทอดได้ ขอให้ปรับทัศนคติ

วันที่ 6 ก.ค. 2560 สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดเสวนาเรื่อง รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ประโยชน์ร่วมที่ต้องเร่งผลักดัน ณ ห้องสัจจา ชั้น 1 อาคารอธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า จีนเป็นประเทศเดียวในโลกที่ทำรถไฟความเร็วสูงระยะทางนับหมื่นกิโลเมตร ในขณะที่อีกหลายประเทศมีระยะทางไม่มาก จึงมีความเชี่ยวชาญในเรื่องประสบการณ์เดินรถ ดังนั้นการพัฒนาโครงการฯ ในไทยเชื่อมต่อเส้นทางกับจีนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และ ไม่เคยกังวลว่า จะมีปัญหาด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพราะโครงการรถไฟใต้ดินของไทยในอดีตนั้นไม่เคยมีบุคลากรไทยที่มีความเชี่ยวชาญเช่นกัน แต่สามารถเรียนรู้กันได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พัฒนาหลักสูตรระบบรางจริงจังแล้ว แต่กลับพบว่านโยบายภาครัฐยังไม่ต่อเนื่อง ทำให้นิสิตนักศึกษาที่เข้าเรียนในหลักสูตรดังกล่าวไม่มั่นใจว่าจบการศึกษามาจะมีงานทำหรือไม่
อดีตผู้ว่า ร.ฟ.ท. กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลบอกประชาชนว่าจะทำอะไร เพราะเชื่อว่าประชาชนจะสนับสนุน และพวกเราเชื่อเครดิตพล.อ.ประยุทธ์ แต่ระดับปฏิบัติงานทำและคิดอย่างท่านหรือไม่ จึงต้องชี้แจงให้ชัดเจน เพื่อสถาบันการศึกษาทั้งหมดจะได้พัฒนาหลักสูตรได้ถูกต้องรองรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมบำรุง การดูแลรักษา รวมถึงการพัฒนาเมืองต่าง ๆ และสนับสนุนให้ส่งบุคลากรไปเรียนรู้เทคโนโลยีจากจีนตั้งแต่วันนี้ โดยไม่ต้องรอให้โครงการฯ เสร็จสมบูรณ์
ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้ช่วยรองอธิการบดีสายงานวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) กล่าวถึงเหตุผลที่หนุนจีนสร้างรถไฟความเร็วสูงในไทย เพราะจีนได้พัฒนาเทคโนโลยีมาตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูสีกับญี่ปุ่น ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งดีที่สุด แต่เทคโนโลยีของจีนเหมาะสมกับไทยมากที่สุด อาจมีบ้างต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้อง เช่น พัฒนาให้เข้ากับสภาพความชื้นของภูมิอากาศประเทศ
ส่วนข้อกังวลเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้น ผู้ช่วยอธิการบดี มธบ. ระบุว่า ไม่ว่าจะซื้อรถไฟความเร็วสูงจากจีน เยอรมัน ฝรั่งเศส หรือญี่ปุ่น เรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่กังวลทั้งนั้น เพราะไทยยังไม่มีความพร้อมในการเตรียมรับมือกับการพัฒนารูปแบบดังกล่าว โดยเฉพาะ “คน” ที่จะเป็นผู้รับการถ่ายทอด ฉะนั้นการฝึกฝนให้เกิดความพร้อมจึงมีความสำคัญ
“ไทยยังไม่ได้วางแผนอย่างชัดเจน หากมีการเตรียมตัวดีกว่านี้ เชื่อว่าจะมีคนไทยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่และดูดซับเทคโนโลยีจากจีนได้มากกว่านี้” ดร.เกียรติอนันต์ กล่าว และว่า ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมรถยนต์ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทย แต่พบว่า บางครั้งไทยกลับเป็นฝ่ายไม่ยอมรับเทคโนโลยีดังกล่าวเอง
ผู้ช่วยอธิการบดี มธบ. ยังกล่าวถึงวาทกรรมสร้างรถไฟเร็วสูงขนส่งผักไม่จริง เพราะเมื่อมองในเชิงธุรกิจจะเห็นว่า ไม่ได้ใช้ขนส่งผัก แต่เป็นยานพาหนะส่งคนซื้อผัก ติดต่อธุรกิจกัน ซึ่งมีค่ามากกว่าการขนส่งผัก ฉะนั้นจึงไม่ใช่วาทกรรมของนักเศรษฐศาสตร์
ขณะที่ดร.พิษณุ เหรียญมหาสาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะอดีตทูตพาณิชย์ประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยีของจีนในปัจจุบันเปรียบได้กับญี่ปุ่นเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมา ส่วนไทยยังถือว่าล้าหลังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจีนทิ้งห่างไทยแบบไม่เห็นฝุ่น ฉะนั้นเมื่อขาดความพร้อมในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยี จึงต้องพึ่งพาจีนอย่างแน่นอน ยกเว้นเรื่องนวัตกรรมศิลปวัฒนธรมที่เป็นจุดแข็งของไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเชื่อว่าไทยจะบริหารจัดการได้อย่างดี แต่ขอให้ลดทัศนคติที่ไม่ดีก่อน .

ภาพประกอบ:Bangkok Bank SME
