เอ็ม 79 ถล่มฐานทหารบาเจาะเจ็บ 12 นักศึกษาฮือประณามคลิปฉาวจี้เลิก พ.ร.ก.
ใต้ป่วนหนัก คนร้ายควงอาวุธสงคราม-เอ็ม 79 ยิงถล่มฐานทหาร 2 จุดใน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส กลางดึก กำลังพลบาดเจ็บ 12 นาย ส่วนเหตุบึ้มรือเสาะทหารดับ 4 "ยุทธศักดิ์" ยอมรับบกพร่องทางยุทธวิธี เตรียมควง ผบ.ทบ.ล่องใต้ขันน็อตสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีพลทหารอนาจารสาวมุสลิมบานปลาย นักศึกษาฮือประท้วง จี้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถอนทหาร
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังปั่นป่วนไม่หยุด โดยล่าสุดเมื่อเวลา 00.05-00.30 น.วันศุกร์ที่ 9 มี.ค.2555 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามและเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงถล่มฐานปฏิบัติการของทหาร 2 จุด ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้แก่
1.ฐานปฏิบัติการหมวดปืนเล็กที่ 2 บ้านส้มป่อย หมู่ 4 ต.กาเยาะมาตี เกิดการยิงปะทะกันประมาณ 30 นาที เป็นเหตุให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 11 นาย ทราบชื่อคือ
- ร.ท.สงกาณ กุดวงศ์แก้ว ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณต้นขาขวา อาการสาหัส
- พ.จ.อ.กำพล คำปรีชา ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะและขาข้างซ้าย
- จ.อ.ทรรศพงษ์ แนวดง ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณนิ้วมือขวาและหูข้างซ้าย
- จ.ท.ภูมิพิทักษ์ เขียวเขิน ถูกกระสุนปืนบริเวณแผ่นหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
- พลทหารสิทธิศักดิ์ ดาษดา ถูกกระสุนบริเวณศีรษะ อาการสาหัส
- พลทหารประมวล บุญศรี ถูกกระสุนบริเวณสะบักขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส
- พลทหารมะอูเซ็ง เจะลา ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแก้มซ้ายและแผ่นหลัง
- พลทหารนราธร นิตยาสิทธิ ถูกกระสุนปืนบริเวณคอ อาการสาหัส
- พลทหารอภิชาติ โพธิ์ศรี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขาข้างขวา และแขนซ้าย
- พลทหารธนะศักดิ์ เรืองพลู ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแผ่นหลัง
- พลทหารทนงศักดิ์ สระบัว มีอาการหูอื้อ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
2.ฐานปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ตั้งอยู่ที่สถานีประปาแหล่งน้ำผิวดิน บ้านสะแต หมู่ 4 ต.บาเจาะ โดยคนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่มฐานจำนวน 3 นัด ทำให้ พลทหารดนัย วงศ์ยัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณท้อง
รวมทั้งสองจุดมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 12 นาย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
"ยุทธศักดิ์"รับบกพร่องทางยุทธวิธี – เตรียมควง ผบ.ทบ.ลงใต้
ด้านความคืบหน้าเหตุการณ์ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันพุธที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา จนมีกำลังพลเสียชีวิตถึง 4 นายนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล วันพฤหัสบดีที่ 8 มี.ค. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่ อ.รือเสาะ ถือเป็นความพลั้งพลาดหรือบกพร่องทางยุทธวิธี แต่ไม่ใช่ทางยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รายงานให้ทราบว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อรักษาสถานการณ์ให้คงเอาไว้ ฉะนั้นจะเดินทางลงพื้นที่โดยเร็วที่สุด ซึ่ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการแล้ว พร้อมทั้งให้ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด จึงได้บอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แล้วว่าจะลงพื้นที่พร้อมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อรับฟังรายละเอียดและเน้นย้ำถึงการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ต่อไปนี้จะลงพื้นที่ทุกเดือนเพื่อผลักดันการแก้ปัญหาตามนโยบายที่นายกฯมอบหมาย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า จะย้ำเตือนผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามยุทธวิธี ไม่เดินทางในเส้นทางซ้ำๆ ด้วยความเคยชิน และยังได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี) ออกไปอีก 3 เดือน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ซึ่งถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ ก็ต้องขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป
เจอบึ้มหลังกลับจาก รปภ.เวียนเทียนมาฆะ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวว่า สาเหตุที่เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เป็นการตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม กรณีที่เกิดล่าสุด (หมายถึงเหตุการณ์ที่ อ.รือเสาะ) กำลังพลไปดูแลคนที่ไปเวียนเทียนวันมาฆบูชา ซึ่งได้มีการกวดขัน เพราะมีการรวมคนจำนวนมาก รู้สึกโล่งใจที่ประชาชนปลอดภัย แต่ปรากฏว่าช่วงที่กำลังพลเดินทางกลับฐาน ได้มีการลอบวางระเบิดจนเสียชีวิต 4 นาย เบื้องต้นได้สั่งการให้กำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง รวมถึงดูแลเรื่องพิธีศพกับครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ดีที่สุด
"ผมได้เรียนกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปแล้ว เรื่องการหาอุปกรณ์ให้กับกำลังพลในพื้นที่ รวมถึงกล้องซีซีทีวี และเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะดูแลให้มากขึ้นเรื่อยๆ" ผบ.ทบ.กล่าว
พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ออกแผนเพื่อปฏิบัติการอย่างจริงจังกับผู้ก่อเหตุ จึงมีการตอบโต้ อย่างเช่นเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ก็มีการปะทะกันกับฝ่ายตรงข้าม เกิดความสูญเสียของฝ่ายตรงข้าม (ที่ ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา)
ยิงผู้ช่วย ผญบ.ยะรังดับต่อหน้าภรรยา
สำหรับเหตุร้ายอื่นๆ ก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเมื่อเวลา 07.00 น.วันพฤหัสบดีที่ 8 มี.ค.คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายกามารูดิง มะแซ อายุ 40 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนระหว่าง ต.โคกขี้เหล็ก-ต.เขาตูม ท้องที่หมู่ 4 บ้านบาโงยะหา ต.เขาตูม อ.ยะรัง เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากเสร็จงานกรีดยางพารา โดยมี นางซือฟะ อาเซ็ง ภรรยาวัย 35 ปีนั่งซ้อนท้ายมาด้วย กระสุนถูกนายกามารูดิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลยะรัง ส่วนภรรยาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากนายกามารูดิงเป็นผู้นำท้องถิ่นที่ให้ความร่วมมือกับทางราชการเป็นอย่างดี
นศ.ฮือประณามคลิปอนาจารสาวมุสลิม-จี้ถอนทหาร เลิก พ.ร.ก.
วันเดียวกัน ที่บริเวณประตูทางเข้า–ออกมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เขตเทศบาลนครยะลา เครือข่ายประชาสังคมคัดค้าน พ.ร.กฉุกเฉิน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา วิทยาลัยเทคนิคยะลา วิทยาลัยพลศึกษา และองค์กรภาคี จำนวนกว่า 300 คน ได้รวมตัวกันชุมนุมถือป้ายเขียนข้อความโจมตีทหาร และออกแถลงการณ์แจกจ่ายทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ประณามเหตุการณ์พลทหารประจำการ 2 นายกระทำอนาจารและถ่ายคลิปเด็กสาวมุสลิม รวมทั้งกรณีอื่นๆ ที่ทหารมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหญิงสาวในพื้นที่
เนื้อหาในแถลงการณ์มีข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ
1.ให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีพลทหารกระทำอนาจารเด็กสาวมุสลิมอย่างเร่งด่วน เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์เลวร้าย และอาจเป็นชนวนนำไปสู่สถานการณ์ที่ยากจะควบคุมในอนาคต
2.ภาครัฐต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นในการแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีและมีความต่อเนื่องโดยผ่านการถอนกองกำลังทหารออกจากพื้นที่ และ ประชาชนสามารถตรวจสอบและติดตามได้
3.รัฐต้องตอบสนองประชาชนด้วยการเยียวยาทางความรู้สึก ซึ่งคนในพื้นที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะผู้กระทำผิดมักลอยนวลในหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา จึงเร่งรัดนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมทันทีโดยไม่เลือกปฏิบัติ
4.ขอเสนอต่อรัฐบาลให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ถ้ายังตระหนักถึงความมั่นคงในสิทธิเสรีภาพของประชาชน
สำหรับเครือข่ายประชาสังคมคัดค้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีองค์กรภาคี 18 องค์กร อาทิ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม (MAC) ศูนย์ประสานงานองค์กรนักศึกษาและเยาวชนชายแดนใต้(BOMAS) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) องค์การบริหารองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี องค์การบริหารนักศึกษาภาคปกติมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา สภานักศึกษา องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้มหาวิทยาลัยรามคำแหง (PNYS) เป็นต้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-4 การชุมนุมประท้วงของกลุ่มนักศึกษาประณามเหตุการณ์พลทหารกระทำอนาจารสาวมุสลิม พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และถอนทหาร (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)