ขสมก.เล็งชงนายกฯ ขึ้นค่ารถเมล์สางหนี้แสนล้าน
'ขสมก.' รอผลศึกษาเรื่องต้นทุน เล็งชงนายกฯ ปรับขึ้นค่ารถเมล์ ลดปัญหาการขาดทุน อ้อนรัฐขอสนับสนุนงบประมาณเช่ารถใหม่ 1,655 คัน ลั่นปี 64 มีกำไร
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า วันนี้ (17 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ในส่วนของ ขสมก. จะนำเสนอที่ประชุมเรื่องแผนฟื้นฟูขสมก.ระยะ 5 ปี (60-64) ด้วย โดยขณะนี้ ขสมก. มีหนี้สินสะสม 1.05 แสนล้านบาท ขาดทุนปีละประมาณ 5 พันล้านบาทจากค่าเหมาซ่อม ค่าดอกเบี้ยและค่าโดยสารที่ต่ำกว่าต้นทุน ดังนั้นจะขอให้แยกหนี้ออกจากการบริหารและเสนอแผนฟื้นฟูองค์การ ด้วยการขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเช่ารถใหม่ 1,665 คัน คิดดอกเบี้ยค่าเช่าต่ำกว่า 3% แทนการซื้อรถเพื่อลดภาระ รวมทั้งติดตั้งระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติหรืออีทิคเก็ตแทนคนเพื่อทยอยลดพนักงานเก็บค่าโดยสารจาก ที่มี 12,000 คน ในปี 64 จะเหลือ 6,000 คัน หรือจากพนักงาน 4.8 คนต่อรถ 1 คัน เหลือ 2.4 คนต่อรถ 1 คัน เพื่อลดภาระด้านสวัสดิการและพนักงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า รถใหม่จำเป็นต้องเก็บค่าโดยสารให้สอดคล้องกับต้นทุน เนื่องจากปัญหาการขาดทุนส่วนหนึ่งมาจากการเก็บค่าโดยสารที่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งขสมก.กำลังรอผลศึกษาต้นทุนและการคิดผลตอบแทนจากค่าโดยสารที่เหมาะสม รวมทั้งจัดสรรเส้นทางเดินรถ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนก.ค.นี้ เบื้องต้นมีแนวโน้มปรับขึ้นค่าโดยสาร ขสมก.ให้สอดรับกับต้นทุนที่แท้จริง เพื่อลดปัญหาการขาดทุนให้ได้ในปี 64 และเริ่มมีกำไร แต่หากรัฐบาลกังวลว่าการขึ้นค่าโดยสารจะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ ขสมก.ก็ยินดีไม่ขึ้นราคา แต่รัฐบาลต้องจัดสรรเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (พีเอสโอ) ให้กับขสมก. เหมือนกับโครงการรถเมล์ฟรี เนื่องจากปัจจุบัน ขสมก. มีฐานะเป็นผู้ประกอบการเดินรถที่จะต้องเร่งปรับตัวให้แข่งขันเดินรถกับผู้ประกอบการเอกชนรายอื่นด้วย โดยมีรถโดยสารทั้งหมด 2,634 คัน เป็นรถธรรมดา 1,520 คัน ที่เหลือ1,114 คัน เป็นรถปรับอากาศ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันนั้น กำลังรอคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายพิจารณาประเด็นปัญหาการคิดราคากลางว่าจะใช้วงเงินเดิม 4,021 ล้านบาทหรือที่บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ชนะการประมูลครั้งก่อน 3,387 ล้านบาท ในวันที่ 17 ก.ค. นี้ จากนั้นบอร์ดจะนัดประชุมพิจารณาในวันที่ 19 ก.ค. ก่อนที่จะหมดวาระในวันที่ 20 ก.ค. เช่นเดียวกับโครงการรถเมล์ไฟฟ้า ที่กรมศุลกากรแจ้งกลับขสมก.ว่า ไม่สามารถปรับลดภาษีนำเข้าให้ขสมก.ได้อาจเข้าข่ายเลือกปฏิบัติต่อหน่วยงานอื่นส่งผลให้ราคากลางจัดซื้อตัวรถปรับสูงขึ้นอีกคันละ 5 ล้านบาท จากคันละ 10 ล้านบาทเป็น 15 ล้านบาท กระทบราคากลางจัดซื้อรถ 200 คัน ปรับเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ล้านบาท จาก 2,000 ล้านบาท เป็น 3,000 ล้านบาท และส่งผลกระทบทำให้วงเงินราคากลางจัดซื้อโครงการภาพรวมเพิ่มขึ้นจาก 2,702บาท เป็น 3,702 ล้านบาท จะรายงานปัญหาให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้น โดยในส่วนของรถเมล์ไฟฟ้าหากต้องการให้กรมศุลฯลดภาษีนำเข้าอาจต้องนำเสนอครม.พิจารณา

