กรมบัญชีกลางชี้ขรก.เบิกค่ารักษาพยาบาล รพ.ศิริราชปิยมหากรุณย์ได้
เมื่อเร็วๆ นี้ นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลางทำหนังสือถึงปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด เลขาธิการ อธิการบดี ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช มหากรุณย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ใจความในหนังสือ ระบุว่า ด้วยกรมบัญชีกลางได้รับข้อหารือส่วนราชการเกี่ยวกับสถานะของโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช มหากรุณย์ ว่ามีสถานะเป็นสถานพยาบาลของทางราชการหรือไม่ และมีวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลฯ อย่างไร เนื่องจากหลักฐานการรับเงินที่โรงพยาบาลฯ ออกให้นั้นไม่ระบุรหัสรายการตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง อัตราค่าบริการสาธารณะสุขเพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ
กรมบัญชีกลางพิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช มหากรุณย์ คณะแพทยาศาสตร์ ศริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสถานพยาบาลของทางราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งแตกต่างไปจากสถานพยาบาลของราชการทั่วไป ค่ารักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลเรียกเก็บสามารถนำมาเบิกจากทางราชการได้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด แต่โดยที่โรงพยาบาลฯ มิได้จัดทำระบบเพื่อรองรับวิธีการปฏิบัติในด้านการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการ และมิได้เข้าร่วมโครงการเบิกจ่ายโดยตรงกับกรมบัญชีกลาง ทำให้ผู้ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลทั้งประเภทผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน จะต้องทดรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไปก่อน และนำหลักฐานมายื่นขอใช้สิทธิ์เบิกเงินจากส่วนราชการต้นสังกัด
ดังนั้น กรมบัญชีกลางจึงได้หารือร่วมกับโรงพยาบาลฯ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและอำนวยความสะดวกในการพิจารณาการเบิกชดใช้ค่าเงินรักษาพยาบาลให้แก่ส่วนราชการ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 16 และข้อ 17 ของหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยวิธีการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางจึงกำหนดแนวปฏิบติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหากรุณย์
ทั้งนี้ แนวปฏิบัติดังกล่าวใช้กับผู้ที่มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ที่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เท่านั้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. กรณีการเข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก
1.1 ให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว แจ้งความประสงค์ต่อโรงพยาบาลฯ ให้ลงรหัสรายการอัตราค่าบริการสาธารณสุขสำหรับใช้ประกอบการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาล
1.2 ให้ส่วนราชการผู้เบิกพิจารณาอนุมัติการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลได้ตามสิทธิที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง อัตราค่าบริการสาธารณสุขเพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค 1417/ว 177 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 และหนังสือกรมบัญชีกลาง ที่ กค 1417/ว 17 ลงวันที่ 9 มกราคม 2550
2. กรณีการเข้ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยใน
2.1 ให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวแจ้งความประสงค์ต่อโรงพยาบาลฯ ให้จัดทำเอกสารเพื่อใช้ประกอบการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการ
2.2 โรงพยาบาลฯ จะจัดทำ "แบบฟอร์มการบันทึกข้อมูลค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยใน" ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ให้กับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ภายในเวลาไม่เกิน 1 เดือน นับแต่สิ้นสุดการรักษาพยาบาลในครั้งนั้น
2.3 ให้ผู้มีสิทธิยื่นขอใช้สิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลพร้อมแนบแบบฟอร์มฯ
2.4 ให้ส่วนราชการต้นสังกัดระดับกรมขอทำความตกลงมายังกรมบัญชีกลางพร้อมแนบแบบฟอร์มฯ เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการพิจารณาขอทำความตกลงและหากไม่แนบเอกสารดังกล่าวกรมบัญชีกลางจะส่งเรื่องคืน เพื่อให้ส่วนราชการจัดการเอกสารให้ครอบถ้วน และขอทำความตกลงมายังกรมบัญชีกลางอีกครั้ง
2.5 กรมบัญชีกลางจะเป็นผู้พิจารณาการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยในสถานพยาบาลของทางราชการตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วยที่สุด ที่ กค 0422.2/ว 112 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2554 และแจ้งส่วนราชการรับผิดชอบต่อไป
