สอบเส้นทางเงิน "นายพลทหาร" เอี่ยวแก๊งตำรวจ-ทหารอุ้มนักธุรกิจต่างชาติรีด 20 ล้าน
ตำรวจเตรียมยื่น ปปง. สอบเส้นทางการเงิน "นายพลทหาร" เอี่ยวแก๊งตำรวจ-ทหารอุ้มนักธุรกิจต่างชาติรีด 20 ล้าน แฉเหยื่อโผล่อีกเพียบนับสิบรายทั้งในกทม.-พัทยา ผงะ!โดนรีดเงินไปกว่า 50 ล้าน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) หรือ 191 ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ถึงความคืบหน้าคดีการจับกุม พล.ต.จรูญ อำภา นายทหารสังกัดกองทัพไทย พร้อม พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทธา อดีตสารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบการกระทำความผิดทางเศรษฐกิจหรือ ปอศ. และพวกรวม 10 คน ร่วมกันก่อเหตุอุ้มเรียกค่าไถ่นักธุรกิจท่องเที่ยวว่า เวลานี้ยังเหลือผู้ต้องหาเป็นพลเรือนอีก 2 คนที่ยังหลบหนีอยู่ คือ นายอุทิศ ก่อแก้ว และ นายฐิติกร ชื่นอุรา โดยตำรวจได้แบ่งชุดสืบสวนออกติดตามจับกุมจากเบาะแสยังกบดานอยู่ในประเทศ คาดได้ตัวเร็ววันนี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความหนักใจ แม้ผู้ต้องหาที่เป็นนายพลทหาร ทหารเรือ และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง จะได้รับการปล่อยชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทางคดีไว้หมดแล้ว และการจากสืบสวนพบว่าแก๊งดังกล่าว ก่อเหตุมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง มีการเรียกเงินผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งนี้กว่า 10 ราย เข้าร้องทุกข์แล้ว 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนมาทำธุรกิจทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา
"พฤติการณ์แก๊งนี้จะแบ่งหน้าที่กันชัดเจน แผนประทุษกรรมส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เหยื่อที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวชาวจีนที่มาลงทุนในประเทศไทย เพราะปัจจุบันมีชาวจีนเข้ามาทำธุรกิจที่ไทยจำนวนมาก ใช้เวลาอยู่ในไทยไม่นาน และไม่อยากมีเรื่องราว หรือคดีความในประเทศไทย โดยพันตำรวจตรีณัฐกฤษต์ ทำข้อมูลชาวจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศมาเป็นข้อมูลก่อเหตุ จากนั้น จะออกอุบายเข้าตรวจสอบบริษัทว่า มีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งทำทีตรวจสอบบัตรประชาชน โดยมีนายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ทำหน้าที่เฟ้นหาเหยื่อ เป็นล่ามพูดจากล่อมเหยื่อเพื่อให้ยอมโอนเงิน" พล.ต.ต.สุเชษฐ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มของ พล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย และพวกรวม 10 คน ที่ถูกกล่าวหาร่วมกันก่อเหตุอุ้มนักธุรกิจท่องเที่ยวชาวจีนไปเรียกค่าไถ่ จำนวน 20 ล้านบาท พร้อมเตรียมประสานข้อมูลกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. เพื่อตรวจสอบว่า มีหลักฐานเพียงพอเอาผิดตามมูลฐานการฟอกเงินหรือไม่ ส่วนการติดตามผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ถูกออกหมายจับและยังหลบหนี คือ นายอุทิศ ก่อแก้ว และ นายฐิติกร ชื่นอุรา ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัว ส่วนการตั้งข้อหากลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับหลังมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นข้อหาที่เบาเกินกว่าฐานความผิดนั้น ขอยืนยัน หากมีพยานหลักฐานชัดเจนสามารถตั้งข้อหาเพิ่มเติมได้
พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากคดีที่ สน.โคกคราม แล้ว ยังมีผู้เสียหายเข้าชี้ตัวผู้ต้องหากลุ่มนี้เพิ่มอีก 2 ราย โดยพบว่า กลุ่มผู้ต้องหา เคยก่อเหตุหลอกนักธุรกิจชาวจีนในพื้นที่ สน.วังทองหลาง โดยอ้างว่า สามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีให้ได้ สูญเงิน 4,000,000 บาท ส่วนอีกคดี กลุ่มผู้ต้องหาอ้างกับผู้เสียหายว่า สามารถช่วยเหลือให้ได้รับสัญชาติไทยและมีบัตรประจำตัวประชาชนไทยโดยสูญเงิน 750,000 บาท เหตุเกิดท้องที่ สน.ห้วยขวาง ทั้ง 2 คดีพนักงานสอบสวนทั้ง 2 ท้องที่มาสอบถามข้อมูลไปแล้ว และผู้เสียหายได้ชี้ตัวยืนยันไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ละคดีที่เกิดขึ้น มีพฤติการณ์ที่แตกต่างกัน
"นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อขบวนการนี้ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นชาวจีน 2 ราย ที่เปิดร้านนวดในพัทยา ถูกเรียกค่าคุ้มครองไปกว่า 10 ล้านบาท อยู่ระหว่างการประสานข้อมูล ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะแยกสำนวนกันทำ และมีการแจ้งอายัดตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว" พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าว

