ชงแก้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เอื้อ 'คู่สมรสหลากหลายเพศ'
ชงแก้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เอื้อคู่สมรสไม่เฉพาะชายหญิง แต่รวมถึงคู่เพศเดียวกัน หลังพบคู่ที่มีความหลากหลายทางเพศถูกเลือกปฏิบัติ เข้าไม่ถึงสิทธิสวัสดิการ ทั้งที่เป็นพลเมืองรัฐเช่นกัน
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2560 นายชวินโรจน์ ธีรพัชรพร นักศึกษาปริญญาโท สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดเผยผลวิจัย “สิทธิความเสมอภาคในการสมรสของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศ” ว่า จากการเก็บข้อมูลคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ จำนวน 22 คู่ ระหว่างปี 2558-2559 พบว่า คู่รักเหล่านี้ต้องเผชิญสภาพปัญหาการขาดสิทธิด้านต่างๆ กว่า 50 ปัญหา โดยหลักๆ ได้แก่สิทธิในการตัดสินใจรักษาพยาบาลและจัดการศพ สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกันและการอุ้มบุญ สิทธิในการให้และรับมรดก แม้จะเป็นสิ่งที่หามาร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังรวมถึงสิทธิในการทำนิติกรรมร่วมกัน สิทธิในสวัสดิการร่วมกับคู่สมรส สิทธิในสินสมรสและการอุปการะเลี้ยงดูกัน สิทธิการได้รับศักดิ์ศรีในฐานะคู่สมรส ทั้งที่ทุกคนควรได้รับสิทธิความเสมอภาคทุกด้าน ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีเพศวิถีใดก็ตาม ซึ่งต้นเหตุสำคัญเป็นบรรทัดฐานของกฎหมายที่กำหนดการสมรสต้องเป็นหญิงกับชายเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาตรา 1448 ที่ระบุการสมรสจะกระทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์
นายชวินโรจน์ กล่าวด้วยว่า งานวิจัยจึงได้เสนอให้มีการปรับแก้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยใช้คำว่าบุคคลสองคนแทนคำว่าชายและหญิงในการอนุญาตให้สมรส พร้อมทั้งให้มีบทเฉพาะกาลระบุให้คู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกันได้รับสิทธิและสวัสดิการ เช่นเดียวกับคู่สมรสซึ่งเป็นชายและหญิง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้กรมคุ้มครองสิทธิฯ อยู่ระหว่างการเสนอร่าง พ.ร.บ.การจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ... แต่ร่างดังกล่าวก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาคู่หลากหลายทางเพศได้อย่างครอบคลุม ทั้งที่บุคคลเหล่านี้ก็เป็นพลเมืองของรัฐเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศ อย่างเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ มีกฎหมายการจดทะเบียนคู่ชีวิต และกฎหมายที่ให้ความเสมอภาคในการสมรส
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญไต้หวันมีคำสั่งให้แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งไต้หวันภายในปี 2562 เพื่อให้กลุ่มหลากหลายทางเพศได้รับความเสมอภาคในการสมรส ซึ่งหากสำเร็จจะถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่จะได้ใช้กฎหมายนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทย ขณะนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้ดูแล พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ซึ่งใน พ.ร.บ.เปิดช่องให้กลุ่มหลากหลายทางเพศสามารถร้องเรียนกรณีถูกเลือกปฏิบัติ ถูกละเมิดสิทธิ ผ่านคณะกรรมการวินิจฉัยการถูกเลือกปฏิบัติ เพื่อพิจารณาและรวบรวมข้อร้องเรียนเสนอผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามลำดับ ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การปรับแก้กฎระเบียบ กฎหมายต่างๆ ที่ยังเลือกปฏิบัติ ริดรอนสิทธิความเสมอภาคด้วยเหตุแห่งเพศ
นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้จัดการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม กล่าวว่า การสมรสตามกฎหมายไทยใช้สิทธิได้เฉพาะชายหญิง หรือรับรองสิทธิเฉพาะหญิงกับชาย ซึ่งขัดกับหลักการความเสมอภาค ห้ามมิให้เลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 ทำอย่างไรเพื่อให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียม จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแก้ไขกฎหมายเพื่อให้กลุ่มหลากหลายทางเพศมีสิทธิเหมือนคนทั่วไป เข้าถึงสิทธิสมรสได้โดยไม่เลือกปฏิบัติ
นางพัชรี อาระยะกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พม. กล่าวว่า กรมกิจการสตรีฯ กำลังรวบรวมกฎหมายต่างๆ ทั้งหมดที่ยังเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เพื่อผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมเสมอภาค แต่ยอมรับว่าคงต้องใช้เวลาในการศึกษา
ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจะมีสิทธิที่พึงจะได้รับอย่างเท่าเทียม และอยากเชิญชวนผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ สามารถยื่นคำร้องตามสิทธิ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ได้ที่สายด่วน 1300 หรือส่งเรื่องร้องทุกข์มาได้ที่กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือและเยียวยา รวมทั้งนำคำร้องที่ยื่นมาเสนอต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศวินิจฉัย