ปึ้งขึงขังปราบคนไทยต่างแดนหมิ่นเบื้องสูง
บัวแก้วแจงสว.จัดการคนไทยในต่างประเทศดูหมิ่นสถาบันโวใช้มวลชนสัมพันธ์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นทางออกดีที่สุด
เมื่อเวลา 10.30 น. ได้มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่วาระกระทู้ด่วนของนายประสงค์ นุรักษ์ สว.สรรหา เป็นผู้ตั้งถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง บ่อนทำลายพระมหากษัตริย์ในต่างประเทศ โดยนายกฯได้มีการมอบหมายให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ทำหน้าที่ผู้ชี้แจงแทน
โดยนายประสงค์ กล่าวว่า อยากถามรัฐบาลว่าจะมีวิธีดำเนินการอย่างไรกับบุคคลและกลุ่มบุคคลคนไทยในต่างประเทศ ทำผิดกฎหมายไทยกรณีบ่อ นทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งได้ให้นโยบายแก่เจ้าหน้ารัฐของไทยในต่างประเทศอย่างไรบ้าง รวมถึงมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่คนในต่างประเทศและประเทศต่างๆไว้ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ ประชาชนคนไทยในต่างประเทศได้มีการดำเนินการหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการทำร้ายสถาบันและองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นบุคคลไทยแท้ๆ เพียงแต่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ไม่เว้นแม้แต่บางรายบางกลุ่มก็ให้ร้ายอย่างรุนแรงทั้งการเขียน การเจรจาสื่อสาร และการใช้ภาพที่เป็นการจาบจ้วงองค์พระมหากษัตริย์และสถาบันทั้งสิ้น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ยึดมั่นทำตามนโยบายที่แถลงไว้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานเพื่อเทิดทูนและพิทักษ์รักษาพระเกียรติของพระมหากษัตริย์และสถาบัน กระทรวงการต่างประเทศเองก็ได้มีการติดตาม ชี้แจง ตอบโต้การกระทำหรือรายงานข่าวในต่างประเทศที่คลาดเคลื่อนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือการสร้างความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
อย่างไรก็ดี หากปรากฏว่ามีบุคคลชาวไทยในต่างประเทศที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายหมิ่นหรือจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ สถานเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวร สถานกงสุลใหญ่ที่มีเขตอาณาครอบคลุมพื้นที่ที่เข้าข่ายสิ่งเหล่านี้จะต้องถูกดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ ส่วนกรณีที่ทำผิดนอกอาณาจักร สำนักงานอัยการสูงสุดจะเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนและเป็นผู้รับผิดชอบคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ถ้ามีความผิดก็จะต้องรับโทษไปตามกระบวนการต่อไป ส่วนเรื่องการให้นโยบายแก่เจ้าหน้าที่รัฐในต่างประเทศนั้น ได้ใช้แนวทางน้ำดีไล่น้ำเสียกับระหว่างทุกหน่วยงานของรัฐในต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่ควบคุมเชิงบวกเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแนวทางนี้เชื่อว่าเป็นแนวทางที่ยั่งยืนได้ ส่วนการดำเนินการต่อชุมชนไทยได้ใช้การจัดกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ เพื่อเปิดช่องทางให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างข้าราชการและชุมชนไทย และเชื่อว่าจะเป็นวิธีที่ชี้แจงให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่คนไทยในต่างประเทศได้ดีที่สุด![]()
