ก.พาณิชย์ยันขึ้นค่าแรง 300 บาท กระทบราคาสินค้าน้อยมาก
กรุงเทพฯ 22 มี.ค. -นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันตามนโยบายของรัฐบาลมีผลดีต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวม ยืนยันส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเพียงเล็กน้อย
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละไม่น้อยกว่า 300 บาทตามนโยบายของรัฐบาลที่จะเริ่มในวันที่ 1 เมษายน 2555 กรมการค้าภายในได้ศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับราคาสินค้า พบว่าโครงสร้างของต้นทุนและราคาสินค้า ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายการผลิตและการจำหน่าย ซึ่งต้นทุนวัตถุดิบเป็นสัดส่วนหลักประมาณร้อยละ 70-90 และมีต้นทุนค่าแรงงานเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 - 5 เท่านั้น ดังนั้น ผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงจะมีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าบางรายการที่กระบวนการผลิตใช้แรงงานเป็นหลัก อาทิ สินค้าเครื่องแบบนักเรียน เยื่อกระดาษ ไม้อัดสลับชั้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองภาพรวมต้นทุนการผลิตอาจจะไม่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการเพิ่มค่าแรงงานจะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น มีการจับจ่ายซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยก็จะลดลง นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ประกอบการ เช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงด้วย
ส่วนการศึกษาผลกระทบจากการปรับราคาสูงขึ้นของน้ำมันเชื้อเพลิงต่อต้นทุนภาคการผลิตนั้น พบว่าสินค้า บางประเภทแทบไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้า หรือหากมีผลกระทบจะมีเพียงร้อยละ 0.62 เท่านั้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตมีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงเพียงร้อยละ 0-5 แต่บางสินค้าที่อาจส่งผลกระทบในพวกกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างใช้ค่าเชื้อเพลิงร้อยละ 5 อย่างไรก็ตาม การปรับตัวสูงขึ้นของราคาพลังงาน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อต้นทุนสินค้าในด้านการขนส่งสินค้า
จากการศึกษาพบว่า ค่าขนส่งมีผลต่อโครงสร้างราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคประมาณร้อยละ 15 ปัจจุบันก๊าซเอ็นจีวี ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 แต่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าภาคการขนส่งเพียงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.44 ดังนั้น ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น จึงไม่ใช่สาเหตุหลักที่ผู้ผลิตสินค้าจะนำมาเป็นข้ออ้างในการขอปรับขึ้นราคาสินค้า ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าในปี 2555 ดัชนีราคาผู้บริโภคจะขยายตัวเพียงร้อยละ 3.30-3.80.-สำนักข่าวไทย

