สภาองค์กรชุมชนตำบล ขอ “ปลดแอก พอช.” กำหนดทิศทางพัฒนาท้องถิ่นเอง
คกก.ปฏิรูป กม.เปิดเวทีถกแก้ พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน ผู้นำสภาฯเรียกร้องขอเป็นองค์กรอิสระปลดแอกจาก พอช. -จัดการงบประมาณ-ทิศทางพัฒนาเอง ให้ อปท.เอาข้อเสนอบรรจุแผนท้องถิ่น
เร็วๆ นี้คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย ด้านการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 ที่โรงแรมทีเคพาเลซ
นายสน รูปสูง รองประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าวว่าที่ผ่านมาการขับเคลื่อนของสภาองค์กรชุมชนติดขัดด้านการบริหารจัดการและงบประมาณ เพราะผูกติดกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) จนทำให้ขาดอิสระในการดำเนินงาน ผิดวัตถุประสงค์และหลายโครงการยังไม่ตอบโจทย์ในการก่อตั้งสภาองค์กรชุมชนที่ตั้งใจให้ขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชน ดังนั้นในการแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ต้องการให้สภาองค์กรชุมชนเป็นเอกเทศจาก พอช. และไม่ถูกแทรกแซงจากการเมือง พร้อมกันนี้ให้รัฐบาลจัดสร้างสถานที่สำนักงานและอนุมัติงบประมาณบริหารจัดการเอง
ด้านนายพรมมา สุวรรณศรี ประธานคณะกรรมการดำเนินงานสภาองค์กรชุมชน กล่าวว่าสภาองค์กรชุมชนติดขัดการบริหารตลอด 3 ปีที่ผ่านมา(นับแต่มี พ.ร.บ.) จึงอยากให้เป็นเหมือนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งที่สามารถร่างระเบียบบริหารจัดการเองได้อย่างสอดคล้องกับองค์กรและบริบทพื้นที่ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของท้องถิ่นจัดการตนเอง จึงจำเป็นต้องแก้กฏหมายบางมาตรา
นายณัชพล เกิดเกษม ประธานสมัชชาสภาองค์กรชุมชน กทม. กล่าวว่า พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชนเกิดจากการผลักดันของภาคประชาชน เพื่อเป็นองค์กรที่ใช้การเชื่อมโยงของวิถีชีวิตวัฒนธรรมชุมชนร่วมกำหนดอนาคตท้องถิ่นเองกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่การบริหารจัดการของ อปท. ปัจจุบันเป็นระบบราชการแบบสั่งการ จึงขาดการมีส่วนร่วมและไม่ฟังเสียงประชาชน ทั้งนี้เสนอว่ากฏหมายใหม่ต้องระบุให้หน่วยงานท้องถิ่นนำข้อเสนอของสภาองค์กรชุมชนไปร่วมกำหนดแผนพัฒนาท้องถิ่น และเรียกร้องให้รัฐบาลอนุมัติงบประมาณตามจำนวนประชากรให้สภาองค์กรชุมชนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาโดยไม่ผ่าน พอช.
ขณะที่นายพิชัย นวลนภาศรี ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า สภาองค์กรชุมชนตำบลปัจจุบันอ่อนแอ เพราะถูกแทรกแซงทางการเมือง โดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่น ดังนั้นจึงควรเพิ่มอำนาจทางสังคมและเติมความรู้ให้เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนงานทั้งระดับตำบลและการขยายเครือข่ายระดับจังหวัด ผ่านการสนับสนุนสำนักงานและงบประมาณ
“ตนเห็นด้วยกับแนวคิดแยกสภาองค์กรชุมชนออกจากพอช. แต่หากสภาองค์กรชุมชนไม่สามารถเป็นเอกเทศได้ พอช.ควรปรับกระบวนการทำงานใหม่ให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางแท้จริง เพื่อให้การขับเคลื่อนของสภาองค์กรชุมชนเป็นไปตามวัตถุประสงค์” นายพิชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีการจัดตั้ง “สภาองค์กรชุมชนตำบล” ทั่วประเทศ เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่น โดยให้ พอช.ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และจดแจ้งจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบล รวมทั้งกระจายงบประมาณ จนถึงปัจจุบัน 3 ปี เกิดสภาองค์กรชุมชนตำบลทั้งสิ้น 2,878 ตำบล ครอบคลุม 77 จังหวัด.