รบ.ในอดีตคอร์รัปชั่น-ฝ่ายค้านไร้เหตุผล!เผยผลโพลล์ มสธ.เจาะพฤติกรรมนักการเมือง
โพลล์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช เผย ปชช. 92.25% ชี้จุดอ่อน รบ.ที่ผ่านมาในอดีตคือปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นบ้านเมืองผ่านโครงการต่าง ๆ จุดอ่อนฝ่ายค้านล้ม รบ. อย่างไร้เหตุผล 91.24% ต้องการให้พรรคการเมืองมุ่งสร้างความเจริญให้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2560 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม ม.สุโขทัยธรรมาธิราช (STOU PSC POLL) เผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ครั้งที่ 7/2560 ระหว่างวันที่ 1-9 ต.ค. 2560 กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 12,252 คน เป็นชาย 6,254 คน (52.72%) หญิง 5,998 คน (50.56%) เกี่ยวกับ “จุดอ่อนพรรคการเมืองไทยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา (ปี 2540-2560) เป็นอย่างไร” เพื่อเป็นกระจกสะท้อนมุมมองของประชนที่เกิดจากการรับรู้พฤติกรรมของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ผ่านมาในอดีต 20 ปีที่ผ่านมา ในช่วง ปี พ.ศ. 2540-2560 ผลการวิเคราะห์มีดังนี้
1. พฤติกรรมที่เป็นจุดอ่อนของพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายรัฐบาลที่ผ่านมาในอดีตเป็นอย่างไร ผลพบว่ามีจุดอ่อนตามลำดับดังนี้ ลำดับ 1 ทุจริตคอรัปชั่นบ้านเมืองผ่านโครงการต่าง ๆ (92.25%) ลำดับ 2 บริหารประเทศผ่านนโยบายอย่างไร้ทิศทางและมุ่งประชานิยม(91.28%) ลำดับ 3 สื่อสารกับประชาชนไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือ ไม่บอกความจริงทั้งหมด(89.24%) ลำดับ 4 มุ่งใช้สื่อและทรัพยากรการสื่อสารของรัฐเพื่อสร้างความนิยมแก่พรรคและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง(88.18%) ลำดับ 5 เมื่อรัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรมักจะไม่รับฟังเสียงฝ่ายค้าน(87.82%) ลำดับ 6 นโยบายดี ๆ โครงการดี ๆ ของพรรคที่เป็นรัฐบาลในอดีต หรือ ของพรรคฝ่ายค้านถูกละเลย(87.25%) ลำดับ 7 ไม่เป็นแบบอย่าง หรือตัวอย่างที่ดีด้านความสามัคคีของคนในชาติ(87.18%) ลำดับ 8 มองคนที่คิดต่างเป็นคนละฝ่ายกับรัฐบาล (87.16%) ลำดับ 9 ไม่รับฟังเสียงของประชาชน (86.78%) ลำดับ 10 มองสื่อมวลชนเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงกันข้าม (86.56%)
2. พฤติกรรมที่เป็นจุดอ่อนของพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านที่ผ่านมาในอดีตเป็นอย่างไร ผลพบว่ามีจุดอ่อนตามลำดับดังนี้ ลำดับ 1 มุ่งโจมตี หรือ ล้มล้างรัฐบาลอย่างไร้เหตุผล (93.42%) ลำดับ 2 มุ่งแข่งแย่งอำนาจ ชิงดี ชิงเด่น และจ้องทำลาย (93.12%) ลำดับ 3 ไม่ได้ทำข้อมูลเชิงวิเคราะห์เชิงเหตุผลในการอภิปรายหรือให้ความคิดเห็น มักใช้แต่สำนวนโวหาร(92.25%) ลำดับ 4 ไม่ให้กำลังใจหรือสนับสนุนในสิ่งที่รัฐบาลทำที่ต้องตามหลักการ(91.28%) ลำดับ 5 ถูกปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นในสภาผู้แทนราษฎรด้วยการชิงการปิดการอภิปราย(89.22%) ลำดับ 6 ฝ่ายค้านไม่มีพื้นที่ ไม่มีช่องทางในการสื่อสารจากทรัพยากรการสื่อสารของรัฐที่มีอยู่(89.12%) ลำดับ 7 ไม่มีระบบการเชิญฝ่ายค้านมาหารือเชิงการบริหารงานในประเด็นการแก้ปัญหาสำคัญของชาติ (88.94%) ลำดับ 8 ไม่มีระบบที่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายรัฐบาล(88.78%) ลำดับ 9 ไม่เป็นแบบอย่าง หรือตัวอย่างที่ดีด้านความสามัคคีของคนในชาติ(87.56%) ลำดับ 10 ไม่สื่อสารกับสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรอย่างตรงไปตรงมาให้เข้าใจ แต่มุ่งใช้สื่อมวลชนที่เลือกข้างปลุกระดม (87.28%) ลำดับ 11 ได้รับการคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ จากฝ่ายรัฐบาล (86.32%)
3. ในอนาคตประชาชนมีความต้องการให้พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์หรือหลักยึดเป็นแบบใดบ้าง ผลพบว่าความต้องการตามลำดับดังนี้ ลำดับ 1 มุ่งวางรากฐานและสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติและประชาชน (91.24%) ลำดับ 2 ยึดมั่นในหลักการและทำในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน(90.08%) ลำดับ 3 ยึดมั่นในการใช้กลไกลตามรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์(88.85%) ลำดับ 4 มีระบบที่ดี ในการคัดสรร “คนดี มีความรู้ความสามารถ และมีจริธรรม” เพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมือง(88.46%) ลำดับ 5 มีความพร้อมในการเป็นพรรครัฐบาลและเป็นพรรคฝ่ายค้าน(88.16%) ลำดับ 6 รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนทุกภาคส่วนอย่างเต็มใจ (88.02%) ลำดับ 7 ไม่ยึดติดกับผลประโยชน์ของพรรคและพวกพ้อง(87.88%) ลำดับ 8 เป็นแบบอย่าง หรือตัวอย่างที่ดีด้านความสามัคคีของคนในชาติ (88.68%)