สรุปเยียวยาไฟใต้จ่าย"กลุ่มตกสำรวจ"รายละแสน ลูกเหยื่อกรือเซะมึนรัฐให้ที่ดินแทนเงิน
รัฐสรุปเยียวยาไฟใต้ พบชาวบ้านเหยื่อยิง-บึ้มรายวัน "ตกสำรวจ" ไม่เคยได้รับเงินเยียวยาร่วม 3 พันราย อนุมัติจ่ายก่อนคนละ 1 แสน จากนั้นให้อนุกรรมการพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นรายกรณี ส่วนเหตุการณ์เฉพาะ "กรือเซะ-ตากใบ" เยียวยาพิเศษ 7.5 ล้าน แต่ไม่ใช่ในรูปตัวเงินทั้งหมด เล็งให้เป็นที่ดินทำกิน ลูกเหยื่อมึนแบ่งยาก ไม่ตรงตามที่เคยประกาศ ด้านทหารพรานรับจ้างฆ่าเจอรุมทำร้ายดับในเรือนจำปัตตานี แค่ 2 วันเพลิงไหม้ 3 จุด ทั้งโรงไม้ยาง รถบดถนน บ้าน อส.
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มี.ค.2555 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 4 กลุ่มตามที่ "ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา" นำเสนอไปก่อนหน้านี้
นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้พิจารณาเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก กลุ่มประชาชนทั่วไปที่เสียชีวิต พบว่ามาตรฐานที่ตรวจสอบในเบื้องต้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลเยียวยาในวงเงินรายละ 1 แสนบาท แต่ยังมีอีกประมาณ 3,000 รายที่ไม่ได้รับเงิน (จากผู้เสียชีวิตทั้งหมดราว 5,000 ราย ได้รับเยียวยาไปแล้วประมาณ 1,900 ราย) กลุ่มนี้ก็จะได้รับความช่วยเหลือ โดยใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท
กลุ่มที่สอง คือ ข้าราชการทุกหน่วยงาน แม้ทางราชการจะดูแลและใส่ใจตั้งแต่ต้น แต่ความรอบคอบยังต้องพิจารณาอีกครั้งว่าขาดแคลนและต้องการสิ่งใดบ้าง แม้ว่าทหารกับตำรวจอาจมีกฎเกณฑ์ในการดูแลหลายด้านที่ครอบคลุมเกือบถี่ถ้วนแล้ว แต่ส่วนตัวมีเพื่อนข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการหลายคนแจ้งมาว่าควรดูแลข้าราชการในกลุ่มนี้เพิ่มเติม แม้ไม่ได้ต้องการเยียวยาด้านการเงินเพิ่ม แต่ยังต้องการการดูแลด้านอื่น เช่น ลูกหลานที่จะได้สิทธิเข้ารับราชการ เพื่อเป็นกำลังหลักในการดูแลครอบครัวต่อไป กลุ่มนี้ใช้เงิน 200 ล้านบาท
"กรือเซะ-ตากใบ" ยังช่วย 7.5 ล้าน แต่อาจไม่ใช่ตัวเงิน
กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มเหตุการณ์พิเศษในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น เหตุการณ์กรือเซะ (28 เม.ย.2547) เหตุการณ์ตากใบ (25 ต.ค.2547) เป็นต้น เพราะกรณีเหล่านี้ต้องใช้เงินเยียวยาอย่างเป็นธรรมและประคับประคองให้ผ่านความยากลำบากไปให้ได้เป็นพิเศษ เนื่องจากภาครัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในระดับที่แตกต่างกันไป
ที่ประชุมจึงให้หลักการไปว่าการดูแลกลุ่มนี้จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาวงเงินไม่เกินรายละ 7.5 ล้านบาทตามที่เทียบเคียงการเยียวยาของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) แต่อาจไม่จ่ายในรูปเงินสดอย่างเดียว และอาจช่วยเหลือด้านอื่นๆ ตามความเหมาะสม เช่น การทำมาหากิน การลงทุน การเดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัญจ์ เป็นต้น กลุ่มนี้ใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท
กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มที่สูญเสียอิสรภาพและเสรีภาพไปโดยกระบวนการทางกฎหมาย เช่น ถูกจับกุมคุมขังในช่วงดำเนินคดี แต่ศาลพิพากษายกฟ้องหรือตัดสินลงโทษน้อยกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่วันเวลาที่จำคุกนั้นล้ำกว่าจำนวนวันเวลาที่ศาลตัดสินไปแล้ว กลุ่มนี้ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท (อ่านรายละเอียดยอดเงินช่วยเหลือใน "อ่านประกอบ" ด้านล่าง)
งบรวม 2 พันล้าน-ประเดิมกลุ่มตกสำรวจรายละแสน
พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ยอดเงินเยียวยาทั้ง 4 กลุ่มรวมแล้ว 2 พันล้านบาท คาดว่าน่าจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ทันวันอังคารที่ 27 มี.ค.นี้ แต่น่าจะเสนอได้ในสัปดาห์เเรกของเดือน เม.ย.
แหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเยียวยาฯ กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่ 1 ที่เป็นประชาชนรายละ 1 แสนบาทนั้น เป็นกลุ่มประชาชนที่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐเลย โดยอาจเป็นกลุ่มที่ตกสำรวจ หรือกลุ่มที่คณะกรรมการ 3 ฝ่ายระดับพื้นที่ คือทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ไม่ลงนามรับรองว่าเป็นการเสียชีวิตจากการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งกลุ่มนี้มีราว 3 พันคน ก็จะได้รับคนละ 1 แสนบาทก่อน จากนั้นจะมีการตั้งอนุกรรมการไปตรวจสอบรายกรณี ซึ่งหมายถึงทุกกรณี รวมเหตุร้ายรายวันอื่นๆ ที่ได้รับเงินเยียวยาไปแล้วด้วย หากใครยังเดือดร้อนหรือประสบปัญหาในการดำรงชีวิต ก็จะให้ความช่วยเหลือเป็นรายๆ ไป
ลูกครูชี้ไม่เท่าเทียม-รัฐผิดสัญญา
ด้านความเห็นของกลุ่มทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจากหลักเกณฑ์ที่ผ่านการประชุมคณะกรรมการเยียวยาฯ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ได้รับเงินเยียวยา 7.5 ล้านบาท แต่อาจได้รับเพียง 1 แสนบาท หรือดูแลช่วยเหลือด้านอื่นแทนนั้น
บัณฑิตสาวขอสงวนนาม ลูกสาวของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งบิดาถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2549 และน้องชายของบิดาถูกฆ่าเผาเมื่อปีที่แล้ว กล่าวว่า อยากให้รัฐดูแลอย่างเท่าเทียมกันทุกฝ่าย เพราะตอนที่บิดาเสียชีวิตได้เงินเยียวยาแค่ 5 แสนบาทเท่านั้น ที่เหลือเป็นการช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา ปีละ 25,000 บาท และได้รับเพียง 2 ปี
"ที่รัฐบาลบอกว่าต้องเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากบางเหตุการณ์เป็นพิเศษ เพราะเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำหรือเกี่ยวข้องนั้น อยากถามว่าแล้วคนอื่นไม่ได้โดนละเมิดสิทธิมนุษยชนเหมือนกันหรือ ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน ทำไมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จึงไม่เท่าเทียมกัน ครู ตำรวจ ทหาร และข้าราชการอื่นๆ ก็ทำงานเพื่อประเทศชาติ แล้วสิ่งที่รัฐตอบแทนกลับมามีแค่นี้หรือ"
บัณฑิตสาวซึ่งสูญเสียบิดาไปเมื่อปี 2548 กล่าวด้วยว่า อยากเรียกร้องเรื่องสิทธิการเข้ารับราชการ เพราะหลังจากบิดาเสียชีวิต หน่วยงานรัฐก็รับปากว่าจะดูแล แต่เมื่อเธอเรียนจบและไปสมัครเข้ารับราชการ กลับถูกปฏิเสธ
"การปฏิบัติของรัฐที่ไม่เท่าเทียมกันจะจุดประกายความไม่สงบมากขึ้น และจะสร้างปัญหาต่อเนื่อง การทำแบบนี้รัฐกำลังสร้างความแตกแยกและแบ่งแยกหรือไม่" บัณฑิตสาว ตั้งคำถาม
ญาติเหยื่อกรือเซะงงรัฐให้ที่ดินแทนเงิน
นางศุภวรรณ แซ่ลู่ ครูโรงเรียนเบตงสุภาพอนุสรณ์ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายยิงรถตู้โดยสารสายเบตง-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2550 จนมีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร แค่ขอสิทธิ์ของตัวเองและความเป็นธรรมให้เท่าเทียมกับคนอื่นเท่านั้น
น.ส.คอลีเยาะ หะหลี ลูกสาวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์กรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 กล่าวว่า เพิ่งได้ทราบข่าวว่าครอบครัวเหยื่อเหตุการณ์กรือเซะอาจไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นตัวเงินตามที่รัฐเคยบอกว่าจะได้รับ 7.5 ล้านบาท โดยอาจได้เป็นที่ดินทำกินหรือการลงทุนแทน ส่วนตัวคิดว่าหากรัฐเลือกใช้วิธีการเยียวยาแบบนี้จะมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะอย่างครอบครัวของเธอมีถึง 9 คน ได้ที่ดินมาจะแบ่งกันอย่างไร
ทหารพรานผู้ต้องหารับจ้างฆ่าเจอทำร้ายดับในคุก
ด้านความคืบหน้ากรณีอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สาอุดี เจ๊ะโด อายุ 40 ปี และ อส.ทพ.สุทธิชากร รามแก้ว อายุ 22 ปี ก่อเหตุยิง นายอรรณพ ปูเต๊ะ อายุ 39 ปี คนขับรถตู้สายปัตตานี-สุไหงโก-ลก ได้รับบาดเจ็บหน้าคิวรถกลางเมืองปัตตานี แต่หลังก่อเหตุถูกจับกุมได้ และยอมรับสารภาพว่าเป็นการรับจ้างฆ่า โดยได้รับค่าจ้างจากผู้หญิงรายหนึ่งเป็นเงิน 1 แสนบาทนั้น
หลังถูกจับกุม ทหารพรานทั้งสองนายได้ถูกส่งไปฝากขังในเรือนจำจังหวัดปัตตานี และเกิดทะเลาะวิวาทกับผู้ต้องขังด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่ถูกทุบตีด้วยของแข็ง และถูกแทงด้วยแปรงสีฟันที่ดัดแปลงเป็นอาวุธ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ อส.ทพ.สาอุดี เสียชีวิต ส่วน อส.ทพ.สุทธิชากร ได้รับบาดเจ็บสาหัส
นายอาวุธ สุวรรณโณ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่คาดคิด โดยขณะที่ต่างคนต่างอาบน้ำเมื่อเย็นวันที่ 22 มี.ค.ได้เกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้น เป็นเหตุทะเลาะวิวาทกันระหว่างผู้ต้องขังเก่ากับผู้ต้องหาทั้งสองคน และเกิดการตะลุมบอนทุบตี พร้อมกับใช้อาวุธที่ทำจากแปรงสีฟันแทงใส่ร่างของทั้งสองคน เบื้องต้นได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีทราบแล้ว โดยผู้ว่าฯได้กำชับให้เข้มงวดเรื่องอาวุธและความปลอดภัยของผู้ต้องขัง
สำหรับศพของ อส.ทพ.สาอุดี นั้น ญาติได้รับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.นราธิวาส แล้ว โดยไม่ได้ติดใจอะไร
แค่ 2 วันเพลิงไหม้ 3 จุด "รถบดถนน-โรงงานไม้ยาง-บ้าน อส."
ช่วง 2 วันที่ผ่านมายังเกิดเหตุเพลิงไหม้ถึง 3 ครั้งใน 3 พื้นที่ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มี.ค.เวลา 20.20 น. มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางเพลิงเผารถบรรทุกน้ำและรถบดถนนอย่างละ 1 คันของ บริษัท ยะลา ไฮเวย์ ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดริมถนนสายตันหยง–เขื่อนบางลาง บ้านตันหยง หมู่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า รถดังกล่าวเป็นของบริษัท ยะลา ไฮเวย์ ซึ่งนำมาใช้ซ่อมบำรุงเส้นทางสายตันหยง–เขื่อนบางลาง เมื่อปฏิบัติงานเสร็จได้นำไปจอดไว้หน้าบ้านสารวัตรกำนัน แต่ขณะเกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดอยู่บ้าน เนื่องจากไปทำพิธีละหมาดที่มัสยิด คนร้ายจึงฉวยโอกาสจุดไฟเผาจนรถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบวางเพลิง
เวลา 11.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.สนธยา ธูปทอง รองผู้กำกับการ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งว่าเหตุเพลิงไหม้โรงงานไม้ยางพารา ที เอ็น พาราวูด ตั้งอยู่เลขที่ 42/1 หมู่ 7 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา จึงนำกำลังรีบรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ โรงงานไม้ยางพาราดังกล่าวเป็นของ นายประกอบ ศิริเสรีวัฒนา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตไม้แปรรูปและทำเฟอร์นิเจอร์ส่งออกต่างประเทศรายใหญ่ของจังหวัด เจ้าหน้าที่ได้ระดมรถดับเพลิงจำนวน 7 คนเข้าฉีดน้ำสกัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
สอบสวน นายวิทยา มนนุมาตย์ อายุ 41 ปี ผู้จัดการโรงงานไม้ยางพารา ทราบว่าต้นเพลิงเริ่มไหม้มาจากยุ้งเก็บขี้เลื่อย ซึ่งมีสต๊อกขี้เลื่อยและกองไม้ยางพาราวางอยู่เป็นชั้นๆ จำนวนมาก จึงได้ระดมคนงานมาช่วยสกัดเพลิง แต่สู้ไม่ไหวจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้ามาช่วยเหลือ และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ทัน ทำให้โรงงานได้รับความเสียหายไม่มากนัก
วันพฤหัสบดีที่ 22 มี.ค.เวลา 16.00 น.เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 81 บ้านไอร์ยือรุส หมู่ 2 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านของ นายยูโซะ มูซอ ทำให้บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน
ทั้งนี้ บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง มีผู้อาศัย 5 คน หนึ่งในนั้นคือ อาสารักษาดินแดน (อส.) พงศกร ปันดิ ซึ่งเป็น อส.ประจำ อ.จะแนะ ลูกเขยของเจ้าของบ้าน เป็นชาว อ.ลอง จ.แพร่ เคยนับถือศาสนาพุทธ แต่ต่อมาได้เปลี่ยนศาสนา และแต่งงานกับ นางสุจิรา ปันดิ ลูกสาวเจ้าของบ้าน โดย อส.พงศกร เคยถูกคนร้ายซุกระเบิดไว้ในรถจักรยานยนต์ กระทั่งเกิดระเบิดที่หน้าที่ทำการอำเภอจะแนะมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าตัวรอดมาได้หวุดหวิด เบื้องต้นตำรวจจึงยังไม่สรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ดังกล่าว
จ่อยิงดับใกล้ด่านโก-ลก ถล่มจุดตรวจปัตตานีไร้เจ็บ
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ยังคงมีเกิดขึ้นประปราย โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 มี.ค.เวลา 03.30 น.คนร้ายจำนวน 2 คใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นายสมชาย แซ่ด่าน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191/2 หมู่ 3 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี จนเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ชุมชนใต้สะพานข้างด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยขณะเกิดเหตุ นายสมชาย กำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้านกับ นายสกรี แซ่ด่าน อายุ 25 ปีซึ่งเป็นน้องชาย จากนั้นคนร้ายได้มาเคาะประตูเรียกชื่อผู้ตาย เมื่อผู้ตายออกไปเปิดประตู คนร้ายจึงชักปืนยิงใส่ เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่การล้างแค้นส่วนตัว
เวลา 19.40 น.วัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงถล่มจุดตรวจร่วมตะลุโบะ เส้นทางเข้าเมืองปัตตานี บริเวณบ้านตะลุโบะ หมู่ 7 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ส่วนความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณเสาตอม่อเส้นทางรถไฟในท้องที่ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปตรวจสอบ ก็จุดชนวนระเบิดจนทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 2 นาย และมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย คือ นายอามา เจ๊ะมะ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ 9 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง โดยถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะนั้น ล่าสุดนายอามาได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-2 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลาม ที่โรงงานไม้ยางพารา ที เอ็น พาราวูด โรงงานแปรรูปและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางรายใหญ่ในเขต อ.เมือง จ.ยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
อ่านประกอบ : เปิดร่างหลักเกณฑ์เยียวยาไฟใต้...จาก 1 แสนถึง 7.5 ล้าน "ทวี" แจงเงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
http://www.isranews.org/south-news/scoop/38-2009-11-15-11-15-01/5980--1-75-qq-.html