'ยิ่งลักษณ์'ลั่นข้ามปท.ทุ่มลงทุนเมกะโปรเจค2.1แสนล.
นายกฯ ประกาศกลางวงนักลงทุนเกาหลี ทุ่ม 2.1 แสนล้าน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 5 ปี มั่นใจจีดีพีปีนี้ โต 5.5-6%
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับภาคธุรกิจเอกชนไทย-เกาหลีใต้ ณ ห้อง Crystal Ballroom โรงแรมล้อตเต้ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีผู้ร่วมงานทั้งสิ้นกว่า 450 คนว่า แม้ว่าไทยจะประสบวิกฤติอุทกภัย แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงเข้มแข็ง การเติบโตที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจาก การส่งออกที่เข้มแข็ง การใช้จ่ายโครงการบริหารจัดการน้ำ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น
คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 5.5 – 6.5% และสถานะทางการเงินการคลังที่เข้มแข็ง เหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนการขยายการลงทุนต่อไปได้ โดยรัฐบาลมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อการลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุน โดยจะลดภาษีรายได้ของบริษัทลงเป็น 23% ในปีนี้ และจะลดเป็น20% ในปีหน้า รวมทั้งการส่งเสริมให้จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ลงทุน 72 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 216,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ใน 5 ปีข้างหน้า เช่น รถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย ที่จะเชื่อมอาเซียนกับเอเชียใต้และโดยรอบ ซึ่งเชื่อมั่นว่า โครงการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ และขยายการเชื่อมโยงต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุนในไทยต่อไป ดังนั้น ไทยจึงเป็นศูนย์กลางสำหรับสินค้า ผลิตภัณฑ์ในการเชื่อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่มีผู้บริโภคดึงดูดการลงทุนยิ่งขึ้น
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักลงทุนเกาหลีให้เข้ามาลงทุนในไทย ในอุตสากรรมที่เพิ่มมูลค่าเช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า รถยนต์ และอะไหล่ เครื่องจักรและเครื่องมือ พลังงานทางเลือก และการแปรรูปเกษตร รวมทั้งการบริการที่เพิ่มมูลค่า เช่น การวิจัยและพัฒนา การตั้งสำนักงานระดับภูมิภาค อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น บันเทิงและซอฟท์แวร์
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ความเป็นหุ้นส่วนไทยและเกาหลีจะพัฒนายิ่งขึ้น และภาคเอกชนเกาหลีจะเป็นเสาหลักของความเป็นหุ้นส่วนนี้
สำหรับภาคเอกชนเกาหลีที่เข้าร่วมหารือ ประกอบไปด้วยบริษัทเอกชนชั้นนำและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ บริษัท Samsung LG Hyundai K-Water SM Entertainment และบริษัท KORAIL เป็นต้น โดยภายหลังการกล่าวสุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้บริษัทเกาหลีต่างๆที่สนใจลงทุนในประเทศไทย เข้าพบหารือเป็นรายบริษัท อาทิ บริษัทแอลจี อิเลคทรอนิคส์ บริษัท ซัมซุง กรุ๊ป บริษัทเหล็ก ยูเนี่ยน สตีล . 
