เรื่องเผ็ด ๆ แบบ‘เชฟตุ๋ย’เจ้าของร้านอาหารดังใน แอล.เอ. ปิดตำนานคนสู้ชีวิต
"...จำไม่ได้ว่าบทสนทนา..จบลงเมื่อใด เกร็ดความรู้ทำให้ผู้ฟังเป็นเพียง‘เด็กน้อย’ ...ในโลกแห่งความจริง ชีวิตคนเรามีหลายมุม คุณสุทธิพร เป็นกรณีตัวอย่างในการบุกเบิกธุรกิจร้านอาหารไทยพื้นเมืองในสหรัฐ เริ่มจากศูนย์ กล้าคิดต่างแบบมีอัตลักษณ์ นำไปเป็นจุดขาย จนประสบความสำเร็จเกินร้อย.. เบื้องหลังความสำเร็จ คือการทำงานหนัก-อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม” ไม่ว่าจะกล่าวโดยใคร ใช้กับบุคคล และ ในโอกาสใด เป็นจริงเสมอ..."

20 ต.ค.2560 สื่อหลายสำนักในประเทศไทยรายงานข่าวการเสียชีวิตของ ‘สุทธิพร สังขมี’ หรือ ‘เชฟตุ๋ย’ พ่อครัวชาวไทยชื่อดัง เจ้าของร้านจิตลดาแห่งนครลอสแอนเจลิส ด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2560 ขณะที่ก่อนจะจากไปอย่างสงบ เจ้าตัวร้องขอบันทึกเทปกล่าวน้อมแสดงความอาลัยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอันหาที่สุดมิได้ เป็นครั้งสุดท้าย
‘เชฟตุ๋ย’ เป็นคนปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชบุกเบิกทำธุรกิจร้านอาหารไทยพื้นเมืองปักษ์ใต้ ณ เลขที่ 5233 W Sunset Blvd, รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ นับสิบปี
ในสหรัฐมีร้านอาหารไทยอยู่เกือบทุกมลรัฐโดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียมีมากกว่า 1,000 ร้าน ‘จิตลดา’มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ลูกค้าระดับวีไอพี ทูต นักธุรกิจ นักเขียน ดารานักแสดง ฮอลลีวูด จำนวนมาก
“เมล คอล์ม-ซิลลี่ เจอร์ราด กิบสัน,Demi Moore (เดมี มัวร์) อีกหลายคน ยังเป็นลูกค้า รวมถึงคนชอบดาราก็มาเพราะอยากมาดูดารา ผมก็เลยกลายเป็นเชฟฮอลลีวูดไปแล้ว”‘สิทธิพร’พูดด้วยคลอหัวเราะค่ำวันที่ 22 มกราคม 2557 หรือเมื่อ 4ปี ก่อนพร้อมคุณภาณุพล รักแต่งาม บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามทาวน์ยูเอส ข้าพเจ้าและเพื่อนอีก 2 คน
‘สุทธิพร’บอกว่าร้านของเขาจับกลุ่มลูกค้าระดับบนสุด 95% เป็นชาวต่างชาติที่อยากลิ้มรสอาหารไทยปักษ์ใต้ มีคนไทยเพียง 5% และก็แน่นเอี้ยดทุกวัน
เมื่อละจากครัวจากลูกค้า เครื่องอุ่นก็เล่ายาว
“พี่ทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก 5 ขวบ ย่าเรียกมาปลอก หอม ปลอด กระเทียม มาเด็ดพริกแห้ง ทำอยู่อย่างนั้น พออยู่ 11-12 ปี ขึ้นต้นมะพร้าวได้ ก็ถูกใช้ให้ขึ้นมาพร้าวมาแกง โตมาหน่อยพ่อแม่ก็ใช้ไปตลาดซื้อของซื้อกับข้าว ก็เลยเอาอาหารบ้านมาขาย ไม่ใช้เอาอาหารที่อื่นมาขายทำให้แขกกิน ไม่ได้เรียนตำราการทำอาหารจากที่ใด วัตถุดิบในการปรุงเดี๋ยวนี้หาซื้อได้ที่นี่ เพราะคนเขมร ลาวเวียดนาม เอามาปลูก ก็ซื้อได้สะดวก มีเกือบทุกอย่าง แต่ก่อนลำบาก ฝากญาติพี่น้องบ้างอะไรบ้างเอามา”
‘เชฟตุ๋ย’เล่าจุดเริ่มต้นทำร้านอาหารในเมืองไทยเกิดจากทำอาหารแบบบ้านๆให้เพื่อนกิน เพื่อนถูกใจบอกว่าอร่อยเข้มข้นกว่าร้านอาหารอีก ทำไมไม่เปิดร้านอาหาร เพื่อนพูดหลายครั้ง ยุเรื่อยๆ 3-4 ปี บอกจะหาร้านอาหารมาให้แล้วเพื่อนจะออกเงินลงทุนเอง สุดท้ายก็ลองดูเพื่อนก็ไปหาร้านอาหารมาให้
“วันแรกเชิญคนมากิน 100 คน กินฟรี ตอนเย็นก็เปิดขายเอาเงินพอเป็นพิธี เวลาทำจริงๆมีลูกค้าสั่งพร้อมๆกัน ทำไม่ทัน เช่น มีคนสั่งปลาทอดขมิ้น1 ตัวใช้เวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งมันนาน ไม่ไหว ก็คิดว่าเวลาเราไปสั่งร้านอื่นทำไมเขาใช้เวลาไม่นาน บังเอิญไปเที่ยว จ.ระยอง เดินเข้าไปทางหลังร้านอาหารเห็นเขาเตรียมวัตถุดิบไว้ก่อนพอเวลาลูกค้าสั่งก็หยิบมาปรุง ไม่นานก็ได้กิน ถึงได้รู้ว่าทำไมถึงเร็ว แต่ก่อนเราทำไม่เป็น มานั่งหั่นทีละอย่าง ทำให้ช้า ก็เลยรู้วิธีเอามาใช้ก็ดีขึ้นกว่าจะจับทางได้ใช้เวลาเป็นปีก็ขยายสาขาในพัทยา”

เล่าต่อว่า จับพลัดจับผลูมาเปิดร้านอาหารไทยที่ลอสแอนเจลิสเกิดขึ้นภายหลังจากพ่อเดินทางกลับมาเที่ยวเมืองไทยแล้วเกิดหกล้มรักษาตัวอยู่เมืองไทยระยะหนึ่งก็เดินทางกลับไปรักษาต่อที่อเมริกา
“พอพ่อมาอยู่แอล.เอ.ได้ 3-4 เดือนก็โทรศัพท์มาบอกพ่อไม่ไหวแล้วนะ ผมก็เดินทางมาหาพ่อที่นี่ มาดูแลป้อนข้าวได้ 3-4 วัน พ่อก็เสียด้วยโรคมะเร็งปอดผมพาลูกสาวมาด้วยอายุ 4 ขวบ (ชื่อน้ำตาล)พอทำธุระเรื่องพ่อเสร็จก็จะกลับเพราะมีธุรกิจร้านอาหารปักษ์ใต้อยู่ที่พัทยา4 สาขา แต่ลูกสาวไม่ยอมกลับ อยากเรียนหนังสือที่นี่ผมฝากลูกสาวไว้กับญาติไปเข้าเรียน แล้วไปเที่ยวลาสเวกัสต่อ เมื่อครบ 1 เดือน กลับมารับลูกสาว ทำอย่างไรก็ไม่ยอมกลับด้วยความรักและตามใจลูกสาวจึงต้องอยู่อเมริกา ทิ้งกิจการในเมืองไทยให้หุ้นส่วนดูแลสุดท้ายเพื่อนก็ขายและเอาเงินไปหมด”
‘เชฟตุ๋ย’ เล่า ตอนแรกร่วมกับน้องสาว (คุณศรินทิพย์ ) เปิดร้านอาหารปักษ์ใต้ให้ลูกค้าคนไทยกินก่อนแต่ขาดทุนตลอด 4 ปี หลังจาก 4 ปีก็เริ่มดีขึ้น
“คิดอยู่ในใจว่าอาหารเราเป็นอาหารพิเศษ คนอเมริกันไม่เคยกิน ยิ่งฝรั่งไม่เคยรู้จักเลยอาหารปักษ์ใต้ ถ้าคนไม่ได้ไปเที่ยวแถวกระบี่ พังงา ภูเก็ต จะไม่รู้จักอาหารจำพวกนี้ รู้จักแต่ต้มข่า ต้มยำ อยู่อย่างนั้น แต่ไม่รู้จัก แกงเหลือง แกงไตปลา คั่วกลิ้ง เป็นอย่างไร ข้าวยำเป็นอย่างไร ขนมจีนเป็นอย่างไร ไม่รู้จักนึกขึ้นมาได้อาหารเราที่เมืองไทยนี่แหละคนกินกันเยอะ”
เล่าต่อ “อย่างคั่วกลิ้ง พอฝรั่งเริ่มรู้จัก มันแปลก มันเผ็ดดี บอกว่ามันแปลก อร่อย บางคนกินแล้วเอาไปเขียน อาทิ หนังสือพิมพ์ลอสแอนเจลิส ไทม์ ปี 2007 ลงเรื่องคั่วกลิ้งบอก แปลก เผ็ด อร่อย พอรุ่งเช้าลูกค้าต่างชาติถือหนังสือพิมพ์มาคนละเล่มมายืนรอหน้าร้านบอกว่าจะลองเอาแบบนี้ทั้งที่ร้านยังไม่เปิด กินได้บ้างไม่ได้บ้าง คนชอบก็บอกเพื่อนต่อ คนกินเผ็ดไม่ได้ก็เลิกรากันไป คนชอบก็กลับมาอีก หลังจากนั้นก็มีคนเขียนเผยแพร่เรื่อยๆ”
เล่าอีกว่า มีลูกค้าคนหนึ่งบินมาจากชิคาโก พักที่ฮอลลีวูด พอทราบว่าที่นี่มีร้านอาหารไทย ก็มาตามมาที่ร้านอยากพิสูจน์ว่าเหมือนกับที่เคยที่ดินภูเก็ตหรือเปล่า ไปกินมาหลายที่แล้วไม่เหมือน พอได้ลองทำให้กินถูกใจพาญาติพาครอบครัวมาลอง หลังจากนั้นก็ไปเขียนเผยแพร่เพื่ออยากให้คนอเมริกันรู้จักร้าน ทำให้คนรู้จักมากขึ้นหลายประเทศ จนกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
จากความตั้งใจตอนแรกจะขายให้คนไทย กลายเป็นว่าลูกค้าเป็นคนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ (จานละ 10 ดอลล่าร์ขึ้นไปถึง 60 ดอลลาร์)เพราะคิดว่ายิ่งขายถูกยิ่งมีปัญหาหันไปจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อดีกว่า
ฝรั่งอยากรู้ว่าบ้านเรากินเผ็ดขนาดไหน บางคนกินเผ็ดมากลงไปนอนกับพื้น ไปไหนไม่ได้ปวดท้อง ทางร้านจึงเขียนป้ายบอกว่าเป็นอะไรไปเราไม่รับผิดชอบนะ เพราะคุณอยากลองเอง บางคนบอกว่าไปกินพริกของอินเดียบอกว่าเผ็ดที่สุดในโลก มากินของเราก็อาเจียนเพราะเผ็ดมาก
“ร้านนี้เปิดมากว่า 40 ปี เปลี่ยนมากันมาเรื่อย มาถึงมือผมเมื่อประมาณ9 ปีหลัง (ขณะนั้น) แต่ไม่เปลี่ยนชื่อร้านนะบางคนมาจากที่ไหนในโลกลงสนามบินมาลอง บอกอยากมาที่ร้านนี้ เป็นร้านเดียวในอเมริกาที่ไม่เหมือนใคร เพราะเราคิดเมนูเอง”

จำไม่ได้ว่าบทสนทนาว่าด้วยเรื่องเผ็ด ๆ จบลงเมื่อใด เกร็ดความรู้จาก‘เชฟตุ๋ย’ทำให้ผู้ฟังเป็นเพียง‘เด็กน้อย’
ในโลกแห่งความจริง ชีวิตคนเรามีหลายมุม !
คุณสุทธิพรเป็นตัวอย่างในการบุกเบิกธุรกิจร้านอาหารไทยพื้นเมืองในสหรัฐเริ่มจากศูนย์ กล้าคิดต่างแบบมีอัตลักษณ์ นำไปเป็นจุดขายจนประสบความสำเร็จเกินร้อย
“เบื้องหลังความสำเร็จ คือการทำงานหนัก - อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม” ไม่ว่าจะกล่าวโดยใครใช้กับบุคคล และ ในโอกาสใด เป็นจริงเสมอ..
เชฟตุ๋ยเป็นตัวอย่าง!
