"ณัฐวุฒิ"ชวน"อภิสิทธิ์"หันหน้าสู่ปรองดอง
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและประเทศกัมพูชาในช่วงนี้ อาจทำให้ถูกมองว่าการเมืองไทยจะไม่เกิดความปรองดองขึ้นได้ว่า ตนมองว่าถ้าหากมองอดีตนายกฯทักษิณเป็นปุถุชนธรรมดาทั่วไป จะไม่มีอะไรซับซ้อน จะมีก็แต่ฝ่ายที่พยายามวาดภาพให้อดีตนายกฯทักษิณเป็นยักษ์เป็นมาร ก็ไปตีความว่าทุกย่างก้าวมีนัยยะทางการเมืองทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้ประเด็นเรื่องการปรองดองคณะกรรมาธิการปรองดองฯ ซีกพรรคประชาธิปัตย์ขอถอนตัวไม่เอาด้วย นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนคิดว่าประตูปรองดองยังไม่ปิดสนิทเสียทีเดียวสำหรับประเทศไทย แต่วันนี้น่าเสียใจที่พรรคประชาธิปัตย์หันหลังให้กับการปรองดอง เป็นการตัดสินใจภายใต้ผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง การสร้างความปรองดองเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคน หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทบทวนท่าทีครั้งนี้และหันหน้ากลับเข้ามา และให้ความร่วมมือกับการปรองดอง จะเป็นที่จดจำว่าท่านเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญกับการสร้างสันติภาพให้กับประเทศไทย ดีเสียกว่าจะเป็นที่จดจำว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
เมื่อถามว่า มีการมองเรื่องการปรองดองเป็นการทำเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ทำไม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 จะกลับมาทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติสภาผู้แทนราษฎรแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ถึงไปตั้งข้อรังเกียจ นั่นก็เป็นเพราะว่า พรรคประชาธิปัตย์ไปคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรที่ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยใช่หรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าวันหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับมา และหวังว่าสิ่งที่น่าจะกลับมาก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ คือ สันติภาพ การปรองดอง และการยอมรับในความแตกต่างให้อยู่ร่วมกันได้ในประเทศไทย
เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่ามีวิธีการปรองดองแบบอื่นโดยไม่นิรโทษกรรม หรือการล้มคดีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราตั้งใจที่จะปรองดองแล้ว จะต้องไม่สร้างเงื่อนไขตั้งแต่ต้น ถ้าบอกว่าจะปรองดองแต่ตั้งเงื่อนไขว่าไม่อย่างนั้นไม่อย่างนี้ พูดอย่างนี้ก็เห็นแล้ว ว่าจะไม่มีทางเดินได้แม้แต่ครึ่งก้าว แต่ถ้าเราบอกว่าจะต้องปรองดอง โดยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือทำความเข้าใจตกลงกันแล้วได้ข้อสรุป ก็เดินไปแบบนั้น คิดว่าน่าจะเป็นช่องทางเดินไปได้มากกว่า
เมื่อถามว่า คิดว่าทั้งสองฝ่ายจะลืมอดีตได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ไม่อยากให้ฝ่ายไหนทั้งนั้นลืมอดีต เพราะการลืมอดีตจะขาดพื้นฐานในการก้าวไปข้างหน้า แต่ผมอยากให้ทุกฝ่ายจำอดีตไว้ให้แม่นยำ และเรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เราต้องผิดพลาดเหมือนที่แล้วมาอีก เราลืมไม่ได้ว่า ความขัดแย้งมันได้สร้างความเสียหายและบาดแผลไว้กับสังคมไทย แต่เราต้องเรียนรู้ต้องเข้าใจและช่วยกันทำไม่ให้เกิดอีก” นายณัฐวุฒิกล่าว
