ห้าม จุดพลุ จุดประทัด ยิงปืน วันลอยกระทง: ข้อห้ามที่ไร้ความหมาย
ทุกๆปีก่อนถึงวันลอยกระทง ผู้เขียนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่จะได้ยินคำเตือน หรือคำสั่งห้าม รวมทั้ง การขอความร่วมมือจากทั้ง ภาครัฐ ตำรวจ กทม. หรือส่วนบริหารงานท้องถิ่น ทางสื่อต่างๆอย่างครึกโครมถึง การ ห้ามจุดพลุ จุดประทัด ยิงปืน จุดดอกไม้ไฟ ปล่อยโคมลอยหรือการเล่นใดๆก็ตามที่อาจสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรืออาจเกิดอันตรายต่อผู้อื่น และขอให้ลอยกระทงกันอย่างสุภาพให้สมกับประเพณีที่ดีงามที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นท่านออกมาพูดจาทางสื่ออย่างขึงขัง เอาจริงเอาจังต่อเรื่องนี้ตลอดมามิได้ขาด

ทุกๆปีเช่นเดียวกันเมื่อถึงวันลอยกระทง ข้อห้ามทั้งหลายที่ท่านได้ห้ามเอาไว้นั้นก็จะเกิดขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ผู้เขียนขอยกตัวอย่างบริเวณใกล้ที่พักอาศัยซึ่งอยู่ในเขต กรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งบริเวณนั้นมีบ้านพักอาศัยทั้งบ้านจัดสรรและบ้านประชาชนโดยทั่วไป ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังประกอบอาชีพทำนาและเลี้ยงปลา
เมื่อถึงวันลอยกระทง เสียงพลุ เสียงประทัด หรือเสียงปืนจะเริ่มโหมโรงกันตั้งแต่ราว หกโมงเย็นไปจนดึกดื่น โดยเฉพาะเมื่อถึงเที่ยงคืนจะจัดรัวกันชุดใหญ่ เสียงดัง กินบริเวณกว้าง มีทั้งดังมากดังน้อยสลับกันไป (ยังไม่รวมถึงการจุดพลุไล่นก เวลากลางวัน นอกเทศกาลลอยกระทง อีกเกือบ 365 วัน ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยมาตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ราวกับบ้านเมืองนี้ไร้ซึ่งกฎหมายที่จะเอาผิดได้ จนถึงวันนี้ก็ยังสร้างความเดือดร้อนรำคาญอยู่อย่างไม่จบสิ้นแม้ว่าจะมีการร้องเรียนและมีเจ้าหน้าที่จากบางหน่วยงานเข้าไปทำความเข้าใจและขอความร่วมมือแล้วก็ตาม)
สิ่งที่ผู้เขียนได้รับประสบการณ์ซ้ำซากจำเจทั้งฝ่ายบ้านเมืองซึ่งเป็นผู้ห้ามกับผู้ก่อเหตุ ทำให้ผู้เขียนต้องมานั่งตั้งคำถามกับตัวเองว่า ข้อห้ามเหล่านี้เหตุใดจึงไม่ได้มีผลอะไรเลยในทางปฏิบัติ ซึ่งแปลความได้หลายอย่างเป็นต้นว่า กฎหมายเองอาจไม่รุนแรงเพียงพอที่ทำให้ผู้กระทำรู้สึกเกรงกลัว การบังคับใช้กฎหมายล้มเหลว เจ้าหน้าที่ไม่เอาใจใส่ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ประชาชนทั่วไปไม่รู้ พลุหรือประทัดหาได้ง่าย รวมทั้งอาจเป็นความคึกคะนองของผู้ก่อเหตุ รวมทั้งความเข้าใจผิดว่าการจุดพลุหรือประทัดคือสิ่งที่ต้องทำเสมอเมื่อถึงวันลอยกระทง เป็นต้น
แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแสดงให้เห็นว่า ข้อห้ามที่ใครก็ตามออกมาแถลงกันทุกปีนั้นเป็นข้อห้ามที่อาจใช้ได้บางส่วน บางเวลา บางสถานที่เท่านั้น แต่ในอีกหลายๆพื้นที่นั้นยังใช้ไม่ได้ เป็นการบอกเป็นนัยว่า ข้อหาจำคุก 3 ปี ปรับหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามคำสั่งของ คสช. นั้น ไม่เคยมีความศักดิ์สิทธิ์ใดๆเลยนับตั้งแต่คำสั่ง มีผลบังคับใช้ อย่างน้อยที่สุดก็คือบริเวณที่ผู้เขียนยกตัวอย่าง ทั้งๆที่อยู่ในเขตเมืองหลวงแท้ๆ
ผู้เขียนขอทำนายไว้ล่วงหน้าว่าเทศกาลลอยกระทงในปีหน้า หากไม่ได้มีมาตรการที่เข้มข้นกว่าปีที่ผ่านๆมาจนถึงปีนี้ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็คงเรียงหน้าออกมาท่องบทกันเช่นเดิมอีกเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ซึ่งผู้เขียนรวมทั้งเพื่อนบ้านใกล้เคียงคงต้องรองรับความรำคาญจากความสนุกคะนองของบุคคลเหล่านี้อีกต่อไปเหมือนเช่นที่ผ่านมา จึงเท่ากับว่า มาตรการของรัฐที่ออกมาประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆนั้น เป็นมาตรการที่ใช้ไม่ได้ผลและเป็นเหมือนแค่งานประจำที่ต้องออกมาแถลงทุกปี เพื่อให้คนทั่วไปได้รู้ว่าได้มีการตักเตือนกันแล้วตามหน้าที่ โดยมิได้คาดหวังผลหรือวิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อหามาตรการเชิงรุกที่เข้มข้นกว่าเดิม ตามนโนบายการคืนความสุขให้กับประชาชนที่ท่านได้เคยย้ำแล้วย้ำอีกอยู่เสมอ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากทีนิวส์
