อธิบดีดีเอสไอ แถลงยุติไม่ดำเนินคดีนายกฯ บรรณพจน์ และพวก ปกปิดโครงสร้างหุ้นชินคอร์ป
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงยุติไม่ดำเนินคดีนายกรัฐมนตรี นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และพวก ฐานแจ้งข้อมูลเท็จปกปิดโครงสร้างหุ้นชินคอร์ป ภายหลังตรวจสอบข้อเท็จจริงพบการกระทำไม่ครบองค์ประกอบความผิด
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจสอบกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์มีหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้เร่งรัดการดำเนินคดีอาญากับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และพวกในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อใช้เป็นหลักฐานที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มาตรา 278 กรณีปกปิดโครงสร้างหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยให้ดีเอสไอดำเนินการตามที่เห็นสมควร ซึ่ง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้สั่งการให้สำนักคดีการเงินการธนาคารตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปี 2545-2547 ซึ่งตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ยังไม่มีการกำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาแม้ภายหลังจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวก็ตามจึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ครบองค์ประกอบความผิด การกระทำจึงไม่เป็นความผิด ส่วนประเด็นการรายงานข้อมูลเป็นการรายงานข้อมูลที่ถูกต้องในขณะนั้น ไม่ใช่การรายงานอันเป็นเท็จ และไม่ทำให้ผู้ใดเข้าใจผิดเนื่องจากในรายงานระบุผู้ถือหุ้นว่าคือกลุ่มครอบครัวชินวัตรและผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือกลุ่มครอบครัวชินวัตรและครอบครัวดามาพงศ์ รวมถึงยังไม่พบว่านายกรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำรายงานดังกล่าวแต่เป็นหน้าที่ของบริษัท มีเพียงนายบรรณพจน์ที่ร่วมรับรองรายงานเท่านั้น จึงไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ตนเองจึงมีคำสั่งยุติเรื่องเพราะไม่พบการกระทำความผิด
นายธาริต กล่าวอีกว่า นอกจากพรรคประชาธิปัตย์จะทำหนังสือเร่งรัดถึงดีเอสไอแล้วยังได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังและสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอรวมพิจารณา และเมื่อมีคำสั่งให้ยุติเรื่องแล้วดีเอสไอก็ได้ทำหนังสือแจ้งผลไปยังทั้ง 2 หน่วยงานรวมถึงผู้ร้องแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าการมีคำสั่งให้ยุติเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นการทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเป็นคนละส่วนกับคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพราะการตัดสินของศาลเป็นการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน
