พ.ค.เอาจริงนายจ้างไม่ขึ้นค่าแรง - “มาร์ค” ซัด “โต้ง” ให้อุตส.ย้ายไป ปท.เพื่อนบ้าน
ก.แรงงาน ระบุ มิ.ย.เอาจริงนายจ้างไม่ปรับค่าแรง ม.หอการค้าเผยแนวโน้มหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงเหตุของแพงแซงขึ้นค่าแรง “มาร์ค” ซัด “โต้ง” หลุดปากให้อุตส.ย้ายไปประเทศเพื่อนบ้าน แก้ปัญหาคนตกงานได้หรือ
วันที่ 29 มี.ค.55 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน(รมว.รง.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอีก 40% ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยนำร่อง 7 จังหวัดได้รับค่าจ้างเพิ่มเป็นวันละ 300 บาท ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม และนนทบุรี ว่าจะต้องไม่มีการนำสวัสดิการ ค่าทำงานล่วงเวลา(โอที)ไปรวมเป็นค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งนี้จะให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานไปพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) ไปทำความเข้าใจกับนายจ้างและลูกจ้าง รวมถึงสำนักงานประกันสังคม จะต้องเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ให้แก่สถานประกอบการมากขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหลังปรับขึ้นค่าจ้าง
นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงา(กสร.) ล่าวว่าในเดือน เม.ย.นี้ กสร.จะส่งพนักงานตรวจแรงงานลงพื้นที่ทำความเข้าใจทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างให้ปฏิบัติตามกฎหมาย หลังจากนั้นเดือน พ.ค.จะลงไปตรวจว่านายจ้างได้ปฏิบัติตามหรือไม่ หากละเลยก็จะมีการออกหนังสือเตือนภายใน 30 วัน เมื่อครบกำหนดถ้ายังไม่มีการจ่ายค่าจ้างตามอัตราใหม่ ก็จะมีการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 โดยมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งในเดือน มิ.ย.นี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง นอกจากนี้ขณะนี้ได้ตั้งทีมเฉพาะกิจลงพื้นที่เก็บข้อมูลรับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการ และลูกจ้างในสถานประกอบการทั่วประเทศ และทำรายงานทุกสัปดาห์เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางมาตรการแก้ปัญหาร่วมกัน
“เดือน เม.ย.-พ.ค. ทาง กสร.จะยืดหยุ่นเน้นให้เจ้าหน้าที่กสร.ไปทำความเข้าใจและรับฟังปัญหา ไม่บังคับใช้กฎหมายแบบไล่ทุบเพื่อให้โอกาสนายจ้างปรับตัว แต่เน้นการบริหารจัดการเพื่อช่วยให้นายจ้างและลูกจ้างอยู่ได้ หลังจากนั้นในเดือนมิ.ย.หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะเอาผิดอย่างจริงจัง” นายอาทิตย์ กล่าว
อธิบดีกสร. กล่าวด้วยว่า นายกสมาคมโรงแรมแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงว่ากรณีที่มีข่าวว่าธุรกิจโรงแรมจะเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากนั้นไม่เป็นความจริง แต่โรงแรมขนาดเล็กอาจจะได้รับผลกระทบโดยถูกโรงแรมขนาดใหญ่เข้าไปเทคโอเว่อร์ ซึ่งคงไม่มีการเลิกจ้างพนักงานที่มีอยู่เดิม เพราะโดยภาพรวมแรงงานในภาคธุรกิจโรงแรมที่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำไม่ถึงวันละ 300 บาท มีสัดส่วนอยู่ไม่เกิน 15%
“ผมเชื่อว่าหลังการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำมีผลบังคับใช้ คงจะไม่มีการเลิกจ้างจำนวนมากยกเว้นกรณีที่แรงงานทำงานที่ทำงานได้ไม่ดี ส่วนเอสเอ็มอีอาจจะมีบ้างที่ปิดตัวไปเพื่อปรับปรุงกิจการ” นายอาทิตย์ กล่าว
น.ส.ส่งศรี บุญบา รองปลัด รง. ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 21 -28 มี.ค.55 มีผู้ใช้บริการศูนย์โปร่งใสกระทรวงแรงงานแล้ว 20 ราย ส่วนใหญ่จะสอบถามเรื่องปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันที่ 1 เม.ย. ว่าจะมีการนำสวัสดิการมารวมกับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทหรือไม่ รองลงมาคือกรณีนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้าง ทั้งนี้หากแรงงานมีปัญหาร้องเรียนหรือข้อสงสัยต่างๆ โทร.0-2232- 1337 ในวันเวลาราชการ -
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการวางยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ(กยอ.) ระบุว่าภาคอุตสาหกรรมใดทนแบกรับค่าแรง 300 บาทไม่ไหวให้ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ว่าแสดงถึงท่าทีรัฐบาลว่าจะให้อุตสาหกรรมย้ายไป ต้องถามว่ามีงานที่จะรองรับคนที่จะตกงานจำนวนมากได้หรือไม่ รัฐบาลจะดูแลอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่าการย้ายฐานการผลิตโดยไม่มีการเตรียมตัว จะกระทบกับโอกาสของประชาชนในหลายพื้นที่ รวมถึงกระทบกับคนจนมากที่สุด หากรัฐบาลคิดว่าไม่เอาคนเหล่านี้เลย สุดท้ายนโยบายนี้ก็เป็นเพียงเอาใจคนกลุ่มเดียว ไม่เป็นประโยชน์ในระยะยาว อีกทั้งองค์กรแรงงาน รวมถึงต่างประเทศ ก็ได้ทักท้วง ว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ช่วยผู้ใช้แรงานในภาพใหญ่ แต่เป็นเพียงหาเสียงและหวังผลทางการเมืองมากกว่า ทั้งที่ควรที่จะมีการสร้างงานอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,237 ราย พบว่าจำนวนหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนและการผ่านชำระในปี 2555 มูลค่าหนี้เฉลี่ย 168,517.16 บาทต่อคน เพิ่มขึ้น 5.7% เทียบกับปี 2554 ในจำนวนนี้เป็นการกู้ยืมในระบบ 53.6% นอกระบบ 46.4% ขณะที่ปี 2554 มูลค่าหนี้เฉลี่ย 159,432.23 บาท เพิ่มขึ้น 5.3% เทียบกับปีก่อนหน้า และเป็นการกู้ในระบบ 54.2% นอกระบบ 45.8%
ด้านความสามารถชำระหนี้ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ 79.8% มีปัญหา 20.2% ไม่มีปัญหา โดยกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือนส่วนใหญ่ 86.6% เคยมีปัญหาชำระหนี้ รายได้ 5,001-10,000 บาทต่อเดือนส่วนใหญ่ 80.3% เคยมีปัญหา รายได้ 10,001-15,000 บาทต่อเดือนส่วนใหญ่ 75.6% เคยมีปัญหา รายได้ 15,001-50,000 บาทต่อเดือนส่วนใหญ่ 73.3% เคยมีปัญหา และมากกว่า 50,000 บาทต่อเดือนส่วนใหญ่ 73.2% เคยมีปัญหา ส่วนสาเหตุของการเป็นหนี้ ส่วนใหญ่ 31.1% เพื่อใช้จ่ายทั่วไป 27.4% เพื่อลงทุนประกอบธุรกิจ/ประกอบอาชีพ 27.4% 22.4% ซื้อทรัพย์สิน 10.7% หนี้ซื้อบ้าน 7.2% หนี้จากน้ำท่วมใหญ่ปี 54 และ 1.2% อื่นๆ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นสาเหตุสำคัญมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น แม้จะมีการปรับค่าแรงงาน300บาทหรือ 40% แต่ราคาสินค้าที่สูงทำให้ประชาชนไม่รูสึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งดูแลราคาพลังงานไม่ให้เป็นแรงผลักให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาค่าครองชีพที่สูงทำให้การออมน้อยลง .