ก.พ. ตั้งเป้าสร้างข้าราชการดิจิทัล 4 หมื่นคน
'เมธินี เทพมณี' เผยแผนพัฒนากำลังคนภาครัฐให้เป็นดิจิทัล สำนักงานก.พ.ตั้งเป้าข้าราชการ 4.0 ไว้ 4 หมื่นคน ลั่นอยากเห็นการให้บริการข้อมูลกับประชาชนผ่านมือถือ และเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกับการบริการที่รอไม่ได้ และไม่ใช่ปิดในเวลาราชการ ชี้วันนี้ข้าราชการไทยต้องพร้อมปรับเปลี่ยน
วันที่ 17 พ.ย. 2560 นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการ พลเรือน (ก.พ.) กล่าวในเวที เสวนา หัวข้อ “สะอาด โปร่งใส ไม่ทนต่อการทุจริต" ณ สำนักงาน ป.ป.ช. (สนามบินน้ำ) ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลวางเป้าหมายมาหลายปีแล้วจะเป็นรัฐบาลดิจิทัล คำถามคือแล้วข้าราชการไทยจะเปลี่ยนตามทันหรือไม่ ขณะที่ประชาชนคาดหวังส่วนราชการจะบริการอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพสามารถใช้ระบบออนไลน์ในมือถือได้
“รัฐบาลทั่วโลก มองเห็นว่า Open Government จะเป็นแนวทางที่เป็นธรรมและสร้างความโปร่งใสขึ้นมาได้ สิ่งสำคัญ คือข้าราชการ พนักงานของรัฐ 3 ล้านกว่าคนต้องปรับเปลี่ยนตามด้วย ซึ่งต้องพัฒนาแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเราไม่มีเวลามาก”
เลขาธิการ ก.พ. กล่าวถึงการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ ที่ผ่านมา จากผลการประเมิน Open Government Data Index ของประเทศไทย จัดทำโดย Open Knowledge International พบว่า เรื่องที่มีการเปิดเผยสูงสุด คือ เรื่องการจดทะเบียนบริษัท (Company Register) ของกระทรวงพาณิชย์ โดยข้อมูลถูกจัดเก็บในรูปดิจิทัล ประชาชนเข้าถึงได้ โดยข้าราชการกระทรวงพาณิชย์จากการประเมินเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำงานกับดิจิทัลนำกระทรวงอื่นๆ ส่วนข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (Government Spending) กลายเป็นข้อมูลภาครัฐที่ถูกเปิดเผยต่ำสุด ซึ่งอาจเป็นเพราะเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีโอกาสพัฒนาการเปิดเผยมูลให้ดีขึ้นอีก
“ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ เป็น Big Data ของประชาชนสามารถนำไปใช้งานต่อได้ เปิดเผย กับปกปิดอะไรเป็นหลักอะไรเป็นรองข้าราชการต้องคิด ”
พร้อมกันนี้ เลขาธิการ ก.พ. กล่าวด้วยว่า การพัฒนากำลังคนภาครัฐให้เป็นดิจิทัลนั้น สำนักงานก.พ.ตั้งเป้าข้าราชการ 4.0 อยากเห็นการให้บริการข้อมูลกับประชาชนผ่านมือถือ และเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกับการบริการที่รอไม่ได้ และไม่ใช่ปิดในเวลาราชการ ข้าราชการไทยต้องพร้อมรับมือ
“ในระยะเริ่มต้นตั้งเป้ามีข้าราชการดิจิทัลไว้ที่ 4 หมื่นคน เพื่อสร้าง Chang Agent ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานในกระทรวง กรม เราพยายามสร้าง Chang Agent ให้ได้ 10% ของข้าราชการทั้งหมด”