โพยส่วยว่อนภูเก็ต เชื้อร้ายแผ่ลึกทุกส่วน/จ่อฟันทั้งวินัย-อาญา
ภูเก็ตสะเทือน!เปิดโพยส่วยจ่ายจะจะรับกันวันเว้นวันโยงใยกระจายไปเกือบทุกหน่วย พุงกางกันถ้วนหน้า แฉมีทุกรูปแบบไถต่างด้าวแลกคืนพาสปอร์ตแพงหูฉี่เล่มละ 2-5 หมื่นบาท อ้างเอาไปแบ่งให้นาย จนผู้ประกอบการต่างพากันเอือมระอาทะยอยส่งหลักฐานให้ชุดสอบสวน เผยตร.ที่พัวพันหนาวแน่เตรียมตั้งกก.สอบฟันทั้งวินัย-อาญา
ความคืบหน้ากรณี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ (รรท.จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง และระดับอื่นๆลดหลั่นกันลงไป ในพื้นที่ บก.ภ.จว.ภูเก็ต และจากหน่วยงานอื่นๆ หลายนายให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตร.หลังตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีส่วนพัวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์ รีดส่วย และรีดไถผู้ประกอบการ เดือนละกว่า 100 ล้านบาท ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีนายตำรวจบางนายเข้าไปพัวพันตั้งแต่แรก ซึ่งกำลังรวบรวมหลักฐานที่กลุ่มผู้ประกอบการได้ทยอยนำมามอบให้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลักฐานที่มีการอ้างว่าเป็นโพย "ส่วย" ที่ผู้ประกอบการบางรายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ต้องจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยงาน โดยโพยดังกล่าวระบุถึงวันเวลา หรือวงรอบ ที่ต้องจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมระบุชื่อผู้รับเงิน และหน่วยงาน รวมถึงจำนวนเงินเอาไว้ด้วย โดยมีตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาทต่อเดือน
แหล่งข่าวระบุอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลเรื่องข่มเหงกลุ่มแรงงานต่างด้าว การจับต่างด้าวแล้วคืนพาสปอร์ต หรือส่วยต่างด้าวเพิ่มเติมอีก 1,200 - 1,800 เล่ม โดยมีข้อมูลอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกรับเงินจากต่างด้าวเล่มละ 20,000 - 50,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปแบ่งให้นายตามลำดับ รวมทั้งการใช้ช่องว่างทางกฎหมายกับกลุ่มสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีการเรียกเก็บจริง แต่หลังจากรัฐบาลมีนโยบายปราบปรามสินค้าละเมิดสิขสิทธิ์โดยตั้งศูนย์ปราบปรามขึ้นในพื้นที่ อ.ป่าตอง ทำให้ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครกล้าไปเรียกเก็บเงิน
"หลังจากมีการตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในพื้นที่ ทำให้ยอดเงินหายไปหลายล้านบาท แต่ระบบการส่งส่วยยังอยู่ และมีการอ้างว่านายทุกหน่วยงานไม่ยอมลดยอดเงินในส่วนลิขสิทธิ์เพราะคิดว่าต้องได้เท่าเดิม ทำให้คนที่รับผิดชอบบางครั้งก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินให้ได้ตามเป้า แม้กระทั่งยอมควักเงินตัวเองจ่ายไปก่อน หรือการไปตรวจค้นแขกต่างชาติในร้าน หรือในสถานบันเทิงทุกเดือนแบบวันเว้นวัน จนกว่าจะยอมจ่ายจึงหยุด สร้างความเอือมระอาให้กับผู้ประกอบการอย่างมาก" แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวยังระบุว่า จากข้อมูลหลักฐานที่รวบรวมได้ตอนนี้ มีความชัดเจนมาก คาดว่าในเร็วๆ นี้จะมีการสั่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง รวมทั้งการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งการเข้าไปกวาดล้างปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ รีดส่วย และรีดไถผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เสียขวัญแต่อย่างใด แต่ตำรวจที่เสียขวัญเข้าใจน่าจะเป็นนายตำรวจที่พัวพันกับการรีดส่วยมากกว่า สำหรับตำรวจชั้นประทวนที่นั่นมีแต่สาปแช่งนายบนโรงพักที่ส่วนใหญ่มักจะย้ายมาเพื่อมาเก็บเงินแล้วก็ไป ไม่เคยรู้เรื่องงานในหน้าที่เลย และไม่เคยสนใจดูแลสวัสดิการลูกน้องเลย

