'บิ๊กตู่' แจง 6 คำถาม หวังนำต่อยอด ใช้บริหารราชการแผ่นดิน
นายกฯ แจง 6 คำถามใช้ต่อยอดคำถามลอตแรก เผยไม่อยากอวดผล 4 คำถาม เกรงถูกมองคำตอบเข้าข้าง รับคำถามไม่มีในตำรา หวังนำมาใช้บริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี 4 คำถาม และ 6 คำถามที่มีต่อประชาชนว่า การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในเรื่องนี้ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง และไม่อยากให้มีผลกระทบกับคนอื่น เพราะมีหลายประเด็น เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามาสนับสนุนของตนอย่างเดียว จริงๆ แล้วข้าราชการไม่ใช่คนที่เราจะไปบังคับได้ ซึ่งการตอบคำถาม ประชาชนนำบัตรประชาชนมาเอง หลายคนอาจมองว่าการให้ใช้บัตรประชาชน ประชาชนจะไม่กล้าพูดความจริง ถามว่าถ้าไม่กล้าแล้วเขาจะมาตอบหรือไม่ เป็นเรื่องของความสมัครใจ ขอให้ความเป็นธรรมกับตนหน่อย ส่วน 4 คำถามแรกมีคนมาตอบประมาณล้านกว่าคน และวันนี้เราก็ให้เขามาตอบได้อีกร่วมกับ 6 คำถาม ซึ่งจะตอบกี่ครั้งก็ได้ แต่บันทึกให้ชัดเจนเป็นคนเก่าคนใหม่อย่างไร ตนได้สั่งการกระทรวงมหาดไทยไปแล้ว เพื่อให้แยกอาชีพให้ชัดเจน จะได้จัดหมวดหมู่ไปด้วย แตกต่างจากการทำโพล เพราะทำโพลบางทีเป็นการสุ่มตัวอย่าง บางทีไม่ถามคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เขาก็ตอบไม่ได้ เป็นการตั้งคำถามใช่ไม่ใช่ ชอบไม่ชอบ ถูกไม่ถูก อาจมีปัญหาในเชิงข้อเท็จจริง หากคิดให้หลักการเชิงวิชาการทำโพลมันใช่ แต่ตนไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า 4 คำถามแรกมีประเด็นที่ตอบมาว่า อยากให้ปฏิรูปประเทศ ตรงนี้ตนจะพูดได้หรือไม่ จะปฏิรูปก่อนหรือหลังเลือกตั้ง แต่ตนก็ไม่อยากพูด เดี๋ยวจะหาว่ามาเข้าข้างหรือไม่เข้าข้าง ซึ่งมีทั้งการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เลือกตั้งก่อนปฏิรูป และเลือกตั้งพร้อมปฏิรูป ขอให้รู้แค่นั้นแล้วกัน ส่วนคำถามอื่นๆ ประชาชนก็เห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้าง โดยเฉพาะที่ถามว่าจะมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลได้หรือไม่ สรุปแล้วคำตอบดูเหมือนไม่แน่ใจมากกว่าที่จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล แต่ตรงนั้นคือสิ่งที่ตนต้องนำมาขับเคลื่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำตามนั้น ตนต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่จะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ดังนั้น 6 คำถามเป็นคำถามที่ต่อเนื่องจาก 4 ข้อแรก ถ้าเขาไม่มั่นใจก็ต้องมาตอบตรงนี้ว่าจะทำอย่างไร จะมีพรรคการเมืองอย่างไร นโยบายควรเป็นอย่างไร ตนคิดและร้อยเรียงมาอย่างนี้ เพื่อทำความเข้าใจประชาชนในคำถามชุดแรก เมื่อไม่เข้าใจตนก็อธิบายเพิ่ม หากอยากให้ทำอะไรใหม่ ตนก็จะใส่เข้าไปในการบริหารราชการแผ่นดิน นั่นคือหลักการ คำถามของตน ซึ่งไม่มีในตำรา
"ถ้ามองการเมืองอย่างเดียวมันก็แย่ ผมไม่มีโอกาสที่จะฟังใครเลย หรือรัฐบาลนี้รับฟังความคิดเห็นประชาชน ฉะนั้นประชาชนอยากแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็มา จะว่าผม จะไม่เห็นชอบกับผมก็มา ผมไม่ได้ลงโทษ ไม่ใช่ว่ามีบัตรประชาชนแล้ว ผมจะไปตามลงโทษ แล้วจะไปจับความผิดเขาเรื่องอะไร เขาไม่ได้ผิดอะไร เป็นความเห็นที่บริสุทธิ์ใจ ผมก็รับฟัง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และระบุต่อว่า ส่วนที่จะให้ตอบคำถามผ่านทางโซเชียลนั้น ตนคิดว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มันมีบิดเบือนเยอะ แสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์ ใช้คำพูดหยาบคายเยอะ ลองเปิดดูในยูทูบได้ เรื่องนี้ขอแค่นี้ ขออย่าสร้างความขัดแย้งเลย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนพยายามจะปรับรูปแบบการทำงานให้ได้ตามที่ประชาชนต้องการ แต่ตนไม่ได้เอามาเป็นประเด็นทางการเมืองว่าจะอยู่ไม่อยู่ จะเดินหน้าเป็นอะไรต่อไป ตนไม่เคยคิดตรงนั้น อนาคตเป็นเรื่องของประชน เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง และตนเองก็ลงเลือกตั้งไม่ได้ มันก็จบแล้ว แต่การจะไปจะมา กฎหมายว่าอย่างไร จะได้ หรือไม่ได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นเรื่องของประชาชน ตนกำหนดอะไรไม่ได้กับอนาคตที่ถามตนมา อย่างไรก็ตาม ในเรื่องผลของ 4 คำถามออกมานานแล้ว เจ้าหน้าที่รายงานมาตลอด ตนบอกแล้วว่าถามพูดออกไปก็จะเป็นกระแสกลับมาที่ตนอีก ทุกคนก็จะมารุมหาว่าคำตอบเข้าข้างตน ถ้าตนบอกว่าเขาเห็นด้วยทุกอย่างให้ตนอยู่ต่อเอาหรือไม่ หรือจะให้ตนเผยแพร่ผลของ 4 คำถามเหมือนคนที่ไปทำโพลด่าตนแล้วเอามาแพร่กระจาย
"อะไรดีผมยังไม่เอามาพูด ไม่เอามาโม้เลย จะโม้ทำไม ชาวบ้านทั้งนั้น ประชาชนทั้งนั้น หลายคนบอกว่าแฟนคลับผมมีแต่อายุ 50 ขึ้น แต่คนเหล่านี้ก็เป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงประเทศกันทั้งนั้น ที่ผ่านมาเขาก็เป็นคนมาเลือกตั้งไม่ใช่หรือ วันนี้ต้องทำให้คนรุ่นเด็กเข้าใจ การที่น้องซีจีพูดว่า ให้เป็นนายกฯ ไปนานๆ ผมมองว่าเขาคือเด็กจะพูดอะไรก็พูดได้ ใครสอนมาก็ไม่รู้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว