"สมชาย"ถกบิ๊ก พท.ตั้งธงออก พ.ร.บ.ปรองดอง
เพิ่มเนื้อหาปลดล็อก 109 อดีต กก.บห. เผยพิมพ์เขียว ก.ย.นี้
นายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 เมษายน ถึงกรณีที่คณะผู้วิจัยบางส่วนเสนอให้ถอนรายงานการสร้างความปรองดองแห่งชาติ เพื่อไม่ให้นำรายงานดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ในวันที่ 3 เมษายน เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมรำไพพรรณี สถาบันพระปกเกล้า จะมีการประชุมสภาสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งตนเข้าใจว่าในวันดังกล่าวคณะวิจัยจะเสนอให้มีการแก้ไขผลรายงานการวิจัยบางส่วน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการพูดคุยกัน เนื่องจากรายงานของสถาบันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในสังคม การวิจัยไม่ครอบคลุมและเป็นปมนำไปสู่ความขัดแย้ง ตนเชื่อว่าสถาบันพระปกเกล้าอาจถอนรายงานดังกล่าวออกไป เพราะวิธีการที่เขานำไปใช้นั้น หยิบหรือเลือกไปเฉพาะในบางประเด็นที่มีประโยชน์ต่อคนบางคน ทั้งนี้ ตนยังไม่มั่นใจว่าหากถอนรายงานดังกล่าวแล้ว ทางสภาจะสามารถพิจารณาต่อไปได้อีกหรือไม่ ก็ต้องรอให้มีการประชุมให้แน่ชัดเสียก่อน
"สมศักดิ์”จี้จิตสำนึกผู้แทนฯ
ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเมื่อวันที่ 2 เมษายน ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาวาระผลการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง เสนอโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 4 เมษายนนี้ว่า ตนในฐานะประธานสภาหวังว่าบรรยากาศของการประชุมจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่ถ้าบรรยากาศจะเป็นเหมือนการประชุมครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรก็ต้องปล่อยตามธรรมชาติ แต่ส่วนตัวการทำหน้าที่ประธานต้องยึดข้อบังคับ ระเบียบเป็นหลัก ทั้งนี้หากแต่ละคนนำเหตุผลมาพูดคุยกันก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าไม่พอใจแล้วแสดงอาการโห่ประท้วงในห้องประชุมตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต้องแล้วแต่จิตสำนึก เราในฐานะประธานก็อยากให้การประชุมดำเนินไปอย่างเรียบร้อย จึงเรียกร้องเรื่องจิตสำนึกของความเป็นผู้แทนราษฎร
เมื่อถามว่า มีสัญญาณว่า กมธ.ปรองดองจะถอนญัตติหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณดังกล่าว แต่เห็นว่างานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าเป็นงานวิจัยทางวิชาการไม่มีถูกหรือผิด จะไปถอนได้อย่างไรมีเหตุผลอะไรที่จะไปถอน การเรียกร้องให้ถอนญัตติไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสถาบันพระปกเกล้าหรือ กมธ. ก็เท่ากับเป็นการกดดัน
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ถอนด้วยเหตุผลว่ารวบรัดเกินไปควรผ่านการหารือจากหลายภาคส่วนเสียก่อน นายสมศักดิ์กล่าวว่า งานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้ากับการเสนอญัตติของ กมธ.เป็นคนละส่วนกัน งานวิจัยไม่มีผลผูกมัด กมธ.ปรองดอง การเสนอเข้าสู่ที่ประชุมนั้นเป็นความเห็นเป็นการตัดสินใจของ กมธ.ที่ใช้งานวิจัยเป็นเหตุผลพิจารณาประกอบเท่านั้น เมื่อเสนอมาตนในฐานะประธานก็ต้องบรรจุเป็นวาระประชุมตามหน้าที่
"สมชาย"นั่งหัวโต๊ะตั้งธง พ.ร.บ.ปรองดอง
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายนพดล ปัทมะ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ร่วมกับ กมธ.ปรองดองและ กมธ.พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญซีกพรรคเพื่อไทย เข้าร่วม ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีธงจะให้การออก พ.ร.บ.ปรองดองแล้วเสร็จภายในปี 2555 คาดว่าภายในเดือนกันยายนจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม โดยขั้นตอนหลังจากผ่านความเห็นชอบของสภาแล้ว จะส่งให้รัฐบาลดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.ปรองดองและเสนอเข้าสู่ขั้นตอนออกกฎหมายของสภาอีกครั้ง ทั้งนี้จะมีการปรับแผนหลังจากรายงานวิจัยพระปกเกล้าถูกโจมตีแนวคือ จะเพิ่มเติมเนื้อหาให้ปลดล็อกสมาชิกบ้านเลขที่ 109 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วย แต่ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าตัว พ.ร.บ.ดังกล่าวจะใช้ชื่อใดระหว่าง พ.ร.บ.ปรองดองและ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตาม ความเห็นอีกฝ่ายในพรรคเพื่อไทยยังมีความเป็นห่วงการอ้างอิงผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเฉพาะข้อ 3 ที่ให้ล้างผลคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เนื่องจากคดีที่ คตส.รับมาพิจารณามาจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งล้วนแต่เป็นคดีทุจริตและมูลค่าความเสียหายมหาศาล เกี่ยวข้องกับนักการเมืองสำคัญหลายราย โดยเกรงว่าการล้มคดีเหล่านี้จะเปิดทางให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นเงื่อนไขล้มรัฐบาล ซึ่งรวมถึงฝ่ายกองทัพด้วย
ข่าวแจ้งว่า ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ได้วางกรอบการพิจารณาวาระสอง ในวันที่ 10-11 เมษายนนี้ จากนั้นทิ้งไว้ 15 วันตามข้อบังคับของรัฐธรรมนูญ และจะมีการพิจารณาวาระ 3 ในวันที่ 27 หรือ 30 เมษายนนี้
กมธ.ปรองดองงง ไม่รู้ใครรับเป็นแม่งาน
ขณะที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระบวนการหลังจากการพิจารณารายงานในวันที่ 4 เมษายนนี้ว่า ต้องรอฟังก่อนว่ามีการเสนอความเห็นอย่างไรในการพิจารณารวมไปถึงมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะผ่านรายงานฉบับนี้หรือไม่ ดังนั้นขณะนี้ไม่สามารถที่จะตอบได้ว่า แม่งานต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของใคร อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเรื่องความปรองดองทุกฝ่ายต้องช่วยกัน วิกฤตที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นมหาอุทกภัยหรือล่าสุดอย่างเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ทำให้เห็นว่าเราจะไม่มีที่ยืนอยู่แล้ว หากไม่ร่วมสร้างความปรองดอง
"วันนี้นักการเมืองมีทิฐิต่อกัน ทั้งที่ต้องร่วมกันสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งการดำเนินการต่อไปนั้นมีหลายขั้นตอนมาก ทั้งการจัดเวทีเสวนาว่าจะสร้างความปรองดองได้อย่างไร เรื่องนี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน"นายชวลิตกล่าว
เมื่อถามว่า หากที่ประชุมสภาลงมติเห็นชอบกับรายงานดังกล่าว จะต้องมีการตั้งกรรมการที่มีความเป็นกลางเพื่อพิจารณาความเหมาะสมต่อหรือไม่เพื่อป้องกันข้อครหา นายชวลิตกล่าวว่า จะมาครหาอะไรอีก มีอะไรที่เป็นข้อครหาอีก เรื่องนี้ต้องฟังการอภิปรายในสภาก่อนจึงจะสามารถตอบได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของ กมธ.ปรองดองทุกคนพร้อมที่จะชี้แจงในที่ประชุมสภาถึงข้อสงสัยอย่างเต็มที่
