คดีทุจริตซูโดฯ ภญ.สำลี ชี้ช่องแกะรอยง่าย ให้ไปดูที่ต้นน้ำ
หมอวิชัย ย้ำชัดทุจริตเบิกยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน ไม่ควรให้ผ่านไปอย่างคลุมเครือ ผิดๆถูกๆ จี้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏ -หาข้อผิดพลาดให้เจอ หวังเป็นบทเรียนให้คนในวิชาชีพ
วันที่ 3 เมษายน ณ เรือนจุฬานฤมิตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิเภสัชศาสตร์เพื่อสังคม (มภส.) ร่วมกับแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.), แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.), หน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม (วจภส.), คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ จัดพิธีมอบรางวัล เภสัชกรดีเด่นเพื่อสังคม พ.ศ. 2554 ให้แก่ ภก.ภาณุโชติ ทองยัง เภสัชกรที่มีจิตสาธารณะ ทุ่มเทการทำงานหนักในการพัฒนาและดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค ในสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสมุทรสงครามมานานกว่า 22 ปี
จากนั้นมีเวทีเสวนาเรื่อง รวมพลังเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคและพัฒนาระบบยา นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 2 กล่าวเปิดการสัมมนา โดยระบุตอนหนึ่งถึงการทุจริตการเบิกยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนจากโรงพยาบาล ที่กำลังเป็นข่าวฉาวโฉ่ในปัจจุบัน ว่า มีจุดอ่อนซึ่งเกิดจากความโลภ ขณะที่ปราการที่มีความพยายามสร้างขึ้นมา คือ เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของวิชาชีพ ความพอเพียง นั้น ตามไปไม่ถึงเพราะกระแสของทุนนิยมนั้นรุนแรงมากกว่า
"ในประเทศไทยวิชาชีพด้านการแพทย์ เภสัชฯ เราถูกธุรกิจยา ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ครอบงำอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่เราก็แพ้ โดยเฉพาะกรณีซูโดฯ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงว่า คนของเราแพ้ ยิ่งเกิดขึ้นในหลายๆ แห่ง แสดงถึง "ระบบ" ที่มีปัญหา ดังนั้นกลไกวิชาชีพจะต้องมานั่งทบทวนกันแล้ว เพื่อไม่ให้มีการลงโทษแบบลูบหน้าปะจมูก "
นพ.วิชัย กล่าวถึงจุดอ่อนอีกประการหนึ่ง คือ การกำกับดูแลควบคุมที่อ่อนแอ ทั้งๆ ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีกลไกการควบคุมที่เข้มงวด แต่เมื่อมีการเปลี่ยนสถานะของวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เวลาไปผสมกับตัวอื่นๆ แล้วก็กลายเป็นยา จนทำให้ระบบควบคุมอ่อนลง ดังนั้น ตนคิดว่าต้องนำเรื่องนี้มาเป็นกรณีตัวอย่าง เป็นกรณีศึกษา จะจัดการอย่างไร ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไป
"เราไม่ควรให้เรื่องกรณียาซูโดฯ ผ่านไปอย่างคลุมเครือ แบบเขาเล่าว่า แบบผิดๆถูกๆ ต้องทำความจริงให้ปรากฏ และหาข้อผิดพลาดให้เจอ"
ขณะที่ผศ.ภญ.สำลี ใจดี ประธานมูลนิธิเภสัชศาสตร์เพื่อสังคม กล่าวถึงการตรวจสอบคดีทุจริตยาแก้หวัดสูตรซูโดฯ ว่า เป็นการไล่จับปลายน้ำ แทนไปตรวจสอบที่ต้นน้ำ คือ โรงงานผลิต ซึ่งการตามโจทย์เรื่องนี้ง่ายมาก โดยสามารถไปดูวัตถุดิบกี่สิบล้านตันเข้ามาในประเทศนี้ เราจะรู้ว่าเป็นยาเดี่ยวกี่ล้านตัน เป็นยาสูตรผสมกี่ล้านตัน ดูโรงงานผลิต ซึ่งเป็นต้นน้ำ ดูช่องทางการจัดจำหน่ายมีกี่ช่องทาง ทั้งโรงพยาบาล ร้านขายยา คลินิก เป็นต้น
"กรณีนี้ แตกต่างจากการทุจริตยาการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขรอบแรก (2541) โดยครั้งนั้นเป็นการซื้อที่แพงเกินเหตุ หลักฐานหาไม่ง่าย แต่กรณีซูโดฯ เจาะง่ายกว่า ต้นน้ำ ปลายน้ำ เฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง มีผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า ส่วนผู้กระทำผิดก็ไม่ได้มีใครไปบังคับ แต่เป็นเจตจำนงของคนที่จะทุจริตเอง" ผศ.ภญ.สำลี กล่าว พร้อมเสนอให้มีการเพิกถอนยาตัวนี้ทุกสูตร ไม่ว่าเดี่ยวหรือผสม ออกไปจากประเทศไทย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:ประกาศกระทรวงฯ 2 ฉบับ ยกระดับซูโดอีเฟดรีนและยาทุกสูตรที่ผสมสารซูโดฯเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2
http://www.thaireform.in.th/multi-dimensional-reform/2011-12-08-05-21-57/item/7398--2-2-.html
