ไม่ต้องห่วง'บิ๊กป้อม'-เป็นผู้ใหญ่รู้อะไรควรทำ!พล.อ.บุณยวัจน์ยันป.ป.ช.พร้อมสอบนาฬิกาหรู
พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ กก.ป.ป.ช. ยันจนท.พร้อมสอบนาฬิกาหรู บิ๊กป้อม ปัจจุบันยังอยู่ในกรอบเวลาหนังสือชี้แจง เปรยบัญชีทรัพย์สินช่วงระหว่างดำรงตำแหน่งไม่ได้กำหนดให้ยื่น ระบุท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่ต้องห่วง -พ้อเหนื่อยหลังนั่งตำแหน่ง โยน สนช.ตัดสินปม รีเซ็ต-ดักฟัง

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2560 พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กรณีนาฬิกาหรูและแหวนเพชรนั้น ว่า ยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประวิตรส่งหนังสือชี้แจงมาแล้วหรือไม่ เพราะทางสำนักตรวจสอบทรัพย์สินที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้รายงานมา แต่เรื่องดังกล่าวก็มีกรอบเวลาอยู่แล้ว
"การยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้นก็กำหนดให้ยื่นแค่ตอนเข้ารับตำแหน่ง และตอนพ้นตำแหน่ง ซึ่งในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งไม่ได้กำหนดให้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียน ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบ ซึ่งก็คงไม่มีปัญหาเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่ต้องห่วง"
พล.อ.บุณยวัจน์ กล่าวถึงการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและการปราบปรามการทุจริต ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า เรื่องการรีเซ็ตกรรมการ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ สนช.จะพิจารณา ซึ่งต้องยึดตามกฎหมาย หากกฎหมายให้อยู่ต่อก็อยู่ หากกฎหมายไม่ให้อยู่ก็ไม่เป็นไร เพราะองค์กรยังอยู่ ก็ให้คนใหม่เข้ามาทำงานต่อได้
"การทำงานของผมในฐานะ ป.ป.ช.ที่ผ่านมาได้ดำเนินการในส่วนงานป้องกันการทุจริตอย่างเต็มที่ และหากยังอยู่ในตำแหน่งต่อก็จะเดินหน้าทำงานต่อไป แต่หากไม่อยู่ หากถูกรีเซ็ต ก็ไม่เป็นไร ให้คนใหม่มาทำต่อ อย่างไรก็ตาม การอยู่ที่นี่ยอมรับว่าเหนื่อยมาก เหนื่อยกว่าตอนที่เป็นทหาร เพื่อนฝูงก็หายไปเพราะตัวเองกลัวว่าจะขัดจริยธรรม ไปหาเพื่อนฝูงบางครั้งก็ไม่กล้าถ่ายรูป ไม่กล้าไปเล่นกอล์ฟเพราะกลัวจะเกิดปัญหา แต่ตนยืนยันว่ายังไม่ท้อ เพราะเป็นคนที่อาสาเข้ามาทำงานนี้แต่แรก โดยตอนนั้นตนเห็นว่ามีคุณสมบัติครบ เพราะอยากทำเพื่อประเทศชาติ"
เมื่อถามถึงเรื่องการเพิ่มอำนาจ ป.ป.ช.ในการสามารถสืบค้นข้อมูลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และประชาชน ผ่านทางโทรศัพท์ โทรสาร โทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด พล.อ.บุณยวัจน์ ปฏิเสธที่จะตอนคำถามดังกล่าว โดยระบุเพียงว่าเป็นเรื่องที่ สนช.กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งคิดว่า สนช.รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร คิดว่า สนช.คิดเป็น อีกทั้งยังมี ตัวแทน ป.ป.ช. 3 คน ร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณากฎหมายดังกล่าวอยู่แล้ว
พล.อ.บุณยวัจน์ ยังระบุด้วยว่า การป้องกันการทุจริตเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่มีกรอบเวลาดำเนินการจนถึงปี 2564 ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือทำให้ค่าดัชนีความโปร่งใสของประเทศ ถึง 50 คะแนน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 35 คะแนน คาดว่าปีหน้าค่าดัชนีความโปร่งใสจะดีขึ้น เพราะประเทศจะได้รับการยอมรับมากขึ้นจากการมีการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็จะมีการเลือกตั้งในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
"ตอนนี้ใกล้เข้ามาแล้วที่ท่านต้องรับภาระต่อจากทหาร จึงอยากให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนป้องกันการทุจริตเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตขึ้น เพราะการทุจริตที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการใช้งบประมาณ ผมมองว่าบางครั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจจะไม่เจตนาทุจริต แต่เกิดจากความไม่เข้าใจ หรือความเผลอเรอ อยากอนุมัติใช้งบประมาณให้รวดเร็ว จนทำให้เกิดปัญหา หรือการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษนั้นก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงที่จะเกิดการทุจริต หากไม่จำเป็นเร่งด่วนก็อยากให้ดำเนินการด้วยวิธีอื่นแทน"
กรรมการป.ป.ช. รายนี้ ยังระบุว่า ต้องการให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการทุจริตขึ้นในองค์กรของตัวเอง ซึ่งนี้แผนดังกล่าวจะเป็นเหมือนคู่มือให้ผู้บริหารรู้ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ ทั้งนี้ในปี 2560 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดทำแผนป้องกันการทุจริตกว่า 6,371 แห่ง คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด แต่มีแผนป้องกันการทุจริตที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 4,270 แห่งเท่านั้น ซึ่งก็หวังว่าผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะรีบดำเนินการจัดทำแผนป้องกันการทุจริตให้ทันในปี 2561 แต่หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใดไม่ทำ ป.ป.ช.ก็จะมีการประกาศผ่านสื่อว่าองค์กรไหนทำไม่ทำ
"อยากให้ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นมองประโยชน์ของชาติ ผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก อย่ามองแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อนฝูง จะมาทำเพื่อญาติพี่น้อง เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวไม่ได้ แต่ต้องคำนึงถึงความสุขของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก จึงอยากฝากให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปกำกับดูแลเรื่องแผนป้องกันการทุจริต ซึ่งต่อไปนี้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจะต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทั้งนี้หากทุกหน่วยงานมีแผนป้องกันการทุจริตเรียบร้อยแล้ว จึงจะมีการดึงภาคประชาชนเข้ามาร่วมตรวจสอบด้ว" กรรมการป.ป.ช.รายนี้ระบุ
