แจงส่ง'8ซิมบับเว'ไปประเทศที่3 ต้องไม่ขัดหลักสากล
สตม. ชี้แจง 8 ซิมบับเว ติดอยู่สนามบินสุวรรณภูมิ รอผลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ส่งตัวไปยังประเทศที่ 3 แต่ต้องไม่ขัดกับหลักกฎหมายสากล ยังตอบไม่ได้ใช้เวลานานเท่าไหร่
จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก Kanaruj Artt Pornsopit โพสต์เรื่องราว หนูน้อยคนหนึ่งวัย 3 ขวบ จากซิมบับเว พร้อมครอบครัวรวม 8 คน ต้องติดอยู่ที่สุวรรณภูมิมาสามเดือนแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหน่วยงานใดเป็นผู้ที่รับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว คล้ายกับภาพยนตร์เรื่อง The Terminal ที่บอกเล่าเรื่องราวของชายผู้หนึ่งต้องติดอยู่ในสนามบิน หลังจากประเทศบ้านเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างกะทันหัน จนพาสปอร์ตถูกยกเลิกและไม่สามารถเข้าประเทศจุดหมายได้ จึงต้องใช้ชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ในอาคารผู้โดยสารจนกว่าสงครามบ้านเกิดจะสิ้นสุดลง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. 2560 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 บก.สตม.ในฐานะรองโฆษก สตม. กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนเกี่ยวกับการดำเนินการของครอบครัวชาวต่างชาติกลุ่มนี้ อยู่ระหว่างการทำเรื่องของทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เพื่อพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการส่งครอบครัวชาวซิมบับเวทั้ง 8 คนไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าต้องใช้เวลาดำเนินการแค่ไหน แต่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีการเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว หากมีการใช้ระยะเวลาดำเนินการนาน โดยจะมีการพาครอบครับชาวซิมบับเว มาที่ห้องพักรอ ภายใต้การดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สวนพลู) การดำเนินการทั้งหมดจะยึดหลักมนุษยธรรม และปฏิบัติตามกฏหมายระหว่างประเทศ
พ.ต.อ.เชิงรณ กล่าวต่อว่า สำหรับเคสนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และจากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีชาวต่างชาติประเทศใดอีก ต่อจากนี้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบกลุ่มชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่ 3 หรือเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก ส่วนเหตุนี้ไม่ถือว่ากระทบต่อข้อกำหนดด้านความรักษาความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า ชาวซิมบับเวกลุ่มนี้ไม่มีเจตนาที่จะใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งเหตุการณนี้คาดว่าจะเกิดเจากการเหตุการณ์ความไม่สงบของประเทศต้นทาง เชื่อว่าจะไม่มีการใช้เหตุการณ์นี้เป็นแบบอย่าง
"อย่างไรก็ตาม ได้มีการประสานกับทาง UNHCR ทราบว่าจะมีการเร่งรัดเคสนี้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการส่งไปยังประเทศที่ 3 แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าใด ทั้งนี้การส่งตัวไปจะต้องไม่ขัดกับกฏหมายตามหลักสากลทั้ง 3 ฉบับ ที่มีการทำร่วมระหว่างประเทศ คือ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง, อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน" รองโฆษก สตม. กล่าว