"บิ๊กป้อม"บอกชิวๆไร้แรงกดดันชี้สื่อฯคิดไปเอง
ปธ.คณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ เข้าพบ “บิ๊กป้อม” กระชับความสัมพันธ์-หารือทางทหาร พร้อมบอกชิวๆ ไร้แรงกดดัน
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานต้อนรับพล.อ.โจเซฟ เอฟ ดันฟอร์ด จูเนียร์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้พล.อ.โจเซฟ เอฟ ดันฟอร์ด จูเนียร์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบว่า ตนเดินทางมาที่ประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกได้เดินทางมาร่วมการฝึกคอบร้าโกล์ดเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งการมาเข้าพบครั้งนี้เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อปรึกษาหารือกับพล.อ.ประวิตร และกองทัพไทย เพื่อปรึกษาหารือกันโดยทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีและผลักดันความสัมพันธ์กองทัพทั้งสองประเทศให้ดีขึ้น ทั้งนี้กองทัพทั้งสองประเทศเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกว่า 70ปี ซึ่งถือว่ามีความยาวนาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้พล.อ.โจเซฟ เอฟ ดันฟอร์ด จูเนียร์ ได้เดินทางไปเข้าพบพล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พร้อมคณะในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองทัพไทยด้วย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ โดยพล.อ.โจเซฟ ได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดีระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาที่มีมาอย่างยาวนาน ในฐานะพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกา ทั้งสองกองทัพได้มีความร่วมมือทางทหารกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทั้งในด้านการฝึกร่วม โดยเฉพาะการฝึกคอบร้าโกล์ด ซึ่งเป็นการฝึกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค รวมถึงด้านการศึกษา การประชุมคณะทำงานหารือทางทหารระหว่างไทย - สหรัฐอเมริกา (THAI - TAC) การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การแลกเปลี่ยนการเยือน และความร่วมมือตามข้อตกลงว่าด้วยการจัดหาและบริการต่างๆ การเดินทางมาเยือนในครั้งนี้เป็นการยืนยันความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์และขยายขอบเขตความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ทั้งในระดับกองทัพและระดับประเทศของทั้งสองฝ่ายต่อไป
จากนั้นภายหลังต้อนรับพล.อ.โจเซฟ เอฟ ดันฟอร์ด จูเนียร์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประวิตร กล่าวกับสื่อมวลชนสั้นๆ ถึงประเด็นที่มีกระแสสังคมกดดันต่างๆว่า “ไม่มีแรงกดดันใดๆ พวกคุณคิดกันไปเอง” และได้เดินขึ้นรถเบนซ์ประจำตำแหน่งออกจากกระทรวงกลาโหมทันที
(ที่มาข่าว:https://www.dailynews.co.th/politics/626014)