'ข้าว' ไม่ใช่ 'หุ้น' ปั่นราคาไม่ได้ นิพนธ์ เตือนอย่านำภาษีปชช.ไปทำบุญให้ปท.อื่น
ปธ.ทีดีอาร์ไอ แนะรบ.รีบระบายข้าว ก่อนไม่ได้ขาย ชี้ราคาตกแน่-ขาดทุนยับ ฟันธงไม่กี่เดือนข้างหน้า ข้าว 5 กก.ราคาไม่ถึง 100 บ.หาซื้อไม่ได้แล้ว พร้อมสอนนักการเมืองเลิกคิด "ข้าว" จะเหมือน "น้ำมัน- หุ้น" เก็บไว้แล้วราคาจะแพง
รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้สัมภาษณ์ ศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ สำนักข่าวอิศรา ถึงนโยบายจำนำข้าว ที่รัฐบาลได้ดำเนินตามนโยบายมากว่า 7 เดือน โดยที่ผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/55 ตั้งแต่เริ่มโครงการวันที่ 7 ตุลาคม 2554 กระทั่งปัจจุบันประมาณ 6.8 ล้านตัน ซึ่งรัฐบาลใช้งบประมาณ ทั้งการดำเนินงานโครงการฯ ค่าดำเนินการ ค่าฝากเก็บข้าวในโกดังและงบเงินทุนหมุนเวียนรวมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 1.4 แสนล้านบาท
สถานการณ์ดังกล่าว รศ.ดร.นิพนธ์ กล่าวว่า หากพิจารณาตัวเลขของปริมาณข้าวนาปรังที่เพิ่งปลูกอีก 3.8 ล้านตัน รวมกันแล้วเป็นข้าวเปลือกกว่า 10.6 ล้านตันที่อยู่ในมือของรัฐบาลที่ยังไม่ได้ขายออกเลย ต้องบอกว่า น่าตกใจ ปริมาณข้าวมีมหาศาลมาก ทั้งนี้ งบประมาณที่ใช้ไปเป็นก่อนหน้านี้เป็นเงินจาก ธ.ก.ส. 90,000 ล้านบาท และเป็นเงินจากธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสินอีกเกือบ 3 หมื่นล้านบาท หากรวมนาปรังอีก 3.63 หมื่นล้านบาท จะต้องไปกู้เงินจากธนาคารอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งหากเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่ต้องถึง 4 ปี รัฐบาลรับซื้อทุกเม็ด แล้วไม่ขาย สถานการณ์ภาคเกษตรของไทยลำบากแน่
รศ.ดร.นิพนธ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันราคาข้าวดูเหมือนกระเตื้องขึ้นนิดหน่อย เนื่องจาก เราไม่ได้ขายข้าวเลย ทั้งที่ต่างประเทศมีข้าวขายตลอด หมายความว่า "เราจะไม่มีวันได้ขาย" นั่นเพราะ เมื่อใดที่เราปล่อยข้าวสารออกมาราคาจะตกอย่างแน่นอน
"ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดว่า ราคาข้าวในตลาดโลกและประเทศไทยจะสูงมาก เพราะนโยบายรัฐบาลรับซื้อทุกเม็ด ตลาดในประเทศจะยังมีข้าวกิน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมพ่อค้าจึงเตรียมตัวซื้อข้าวตุนไว้มโหฬาร ด้วยเชื่อว่าจะได้ราคาดี ทุกคนหวังเช่นนี้ แต่สุดท้ายทุกคนก็ผิดหวัง การคาดการณ์การว่าสต็อกไว้จะแล้วราคาจะขึ้นนั้น ตามธรรมชาติเมื่อใดปล่อยขายราคาก็จะตก อย่าคิดว่าจะขายแพงได้"
ประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวอีกว่า ในตลาดโลกคนสามารถซื้อข้าวจากทั้งอินเดียและเวียดนามที่ราคาต่ำกว่า 500 เหรียญต่อตัน โดยไม่ต้องง้อไทยแล้ว ฉะนั้น แม้ไทยจะมีข้าวเก็บไว้ แต่ก็ไม่มีใครซื้อ
"เราไม่ได้เป็นผู้ผูกขาดตลาดข้าว นักการเมืองมักจะคิดว่า "ข้าว" เหมือน "น้ำมัน" และเหมือน "หุ้น" ที่เก็บไว้แล้วราคาจะแพงขึ้น แต่น้ำมันเก็บได้ ปลูกไม่ได้ หุ้นก็มีจำนวนจำกัด ปั่นราคาได้ ต้องไม่ลืมว่า ข้าวปั่นราคาไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเทวดาและชาวนา 100 ล้านคนทั่วโลก ดังนั้น เมื่อไทยทำให้ราคาโลกสูงขึ้น เท่ากับว่า ไทยทำบุญให้กับชาวนาประเทศอื่น"
รศ.ดร.นิพนธ์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลไม่ขายข้าวแล้วหวังว่าจากนี้จะขายได้ในราคา 800 เหรียญต่อตัน กลายเป็นรัฐบาลนำเงินภาษีประชาชนไปช่วยให้ชาวนาเวียดนามและชาวนาอินเดียขายข้าวได้ดิบได้ดี
"ข้าวไทยไม่ได้กินแล้วกลายเป็นเทวดา ไม่ได้กินแล้วหายจากโรค เมื่อขายไม่ได้เก็บไว้ในสต็อก 1-2 ปีก็เน่า เสียหาย เปลืองค่าใช้จ่ายในการเก็บ เมื่อขายออกมาราคาก็ตก แม้ตอนนี้เรายังมีข้าวกิน ราคายังไม่ตก เนื่องจากทั้งผู้ส่งออกและโรงสีเก็บไว้จำนวนมาก แต่อีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เมื่อข้าวที่กักตุนไว้หมด และรัฐบาลยังไม่ขายข้าวออก ราคาข้าวสารในประเทศไทยจะสูงขึ้น คนไทยจะต้องซื้อข้าวสารแพงขึ้นอย่างแน่นอน"
รศ.ดร.นิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ข้าว 5 กิโลกรัมราคาไม่ถึง 100 บาทจะหาซื้อไม่ได้อีกแล้ว และหากรัฐบาลจะแก้ไขโดยการ "คุมราคาข้าว" ตามที่อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เคยประกาศไว้ว่าจะมีข้าวราคาถูกมาขาย วัฏจักรนี้หมายความว่า รัฐบาลนำเงินภาษีประชาชนมาซื้อข้าวในราคาแพงเก็บไว้ในสต็อก เพราะคิดว่าราคาจะแพงขึ้น เมื่อราคาแพง รัฐบาลก็นำเงินภาษีประชาชนอีกก้อนหนึ่ง มาสนับสนุนในการขายข้าวแบบ "ขาดทุน" คำถามคือ รัฐบาลจะทำไปทำไม
"แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะให้โชค ช่วยให้รัฐบาลและประเทศไทยรับภาระน้อยลงไปได้ถึง 3 ล้านตันแล้ว แต่ผลกระทบระยะสั้นจากข้าวในมือรัฐบาลขณะนี้ก็หนักหนามากพอ ซึ่งประชาชนจะต้องประสบในปีนี้ ไม่ต้องรอหรือมองไกลไปถึง 4-5 ปีข้างหน้า"
ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้เร็วๆ นี้
