ยันปมโกงเงินจัดวันเด็กหาเอกสารสอบไม่ได้! ผู้ว่าฯสกล แจงเหตุขอป.ป.ช.ยุติเรื่องคดีทุจริตนายกอบต.
ผู้ว่าฯสกลนคร ทำหนังสือแจง 'อิศรา' กรณีชงเรื่อง ป.ป.ช. ยุติสอบสวนอดีตนายกอบต.หนองหลวง คดีทุจริต เหตุเรื่องร้องเรียนผ่านมานาน 9 ปี เอกสารหลักฐานบางส่วนสูญหายจริง แต่เกิดปัญหาแค่ 2 ประเด็น 'ปมเปิดกรอบจนท.ใหม่-โกงเงินจัดงานวันเด็ก' เท่านั้น ส่วนกรณีอื่นเหตุผลหลักไม่สามารถแสวงหาพยานหลักฐานได้ ล่าสุดเตรียมสั่งตั้งกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงปมเอกสารหายเพิ่มแล้ว

จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่าในเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเผยแพร่ผลการสอบสวนกรณีกล่าวหา นายทองเจริญ ดวงหล้า ตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร กับพวก มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิด ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 7 ประเด็นได้แก่ 1. กล่าวหาว่า รับเงินค่าเปิดกรอบเพื่อบรรจุเจ้าหน้าที่ใหม่, 2. กล่าวหาว่า จัดซื้อเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในห้องประชุมไม่มีมาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ไม่เหมาะสมกับราคา, 3. ร้องเรียนกล่าวหาว่าขาดการประสานงานที่ดี และไม่เคยประชุมชี้แจงการปฏิบัติงาน การใช้จ่ายเงินกับสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล, 4. เงินสนับสนุนบั้งไฟ ประจำปี 2549 โดยจ่ายเงินไป 3,700 บาท แต่ให้เซ็นรับเงินไปจำนวน 5,000 บาท, 5.เงินการจัดงานวันเด็ก ในวันที่ 13 มกราคม 2550 งบประมาณตั้งไว้ 100,000 บาท แต่ของรางวัลที่จัดให้แก่เด็กไม่เพียงพอ ไม่เหมาะสมกับจำนวนเงินที่จัดสรร, 6. กรณีหักเงินโบนัสของพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้างประจำในปีงบประมาณ 2549 และ 7. กรณีจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์สำนักงานกับร้านนิติธรเจริญภัณฑ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาวภรรยาของนายพิทักษ์ ทองศิลา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหลวง
ขณะที่มีข้อมูลว่า จังหวัดสกลนครได้มีหนังสือ ลับ ที่ สน 0023.4/65 ลงวันที่ 27 มกราคม 2560 แจ้งตอบกลับ ป.ป.ช. ว่า ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหลวง ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลหนองหลวง และปัจจุบันนายทองเจริญ ดวงหล้า มิได้เป็นนายกเทศมนตรีตำบลหนองหลวง และจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานในแต่ละประเด็น พบว่า มีบางประเด็นที่ระยะเวลาได้ล่วงเลยมา 9 ปี ทำให้เอกสารที่เกี่ยวข้องสูญหาย ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่อาจหาพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ บางประเด็นไม่เป็นจริงตามข้อกล่าวหา และผู้ร้องเรียนมิใช่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด จังหวัดสกลนคร จึงพิจารณาแล้วมีความสอดคล้องกับความเห็นของนายอำเภอสว่างแดนดิน จึงขอยุติเรื่องทุกประเด็น นั้น (อ่านประกอบ : เมื่ออดีตนายกอบต.สกลนคร-พวก พ้นบ่วงสารพัดคดีทุจริต ด้วยปัจจัยเรื่องเวลา-เอกสารสูญหาย!)
ล่าสุด นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้ทำหนังสือถึงสำนักข่าวอิศรา ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า จากผลการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจังหวัดสกลนคร เกี่ยวกับกรณีกล่าวหา นายทองเจริญ ดวงหล้า อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหลวง กับพวก มีพฤติการณ์ในการ กระทำความผิด ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวนรวม 7 ประเด็น นั้น มีประเด็นที่เอกสารสูญหายเพียงบางส่วน 2 ประเด็น คือ
1. ประเด็นร้องเรียนกล่าวหาว่า รับเงินค่าเปิดกรอบเพื่อบรรจุเจ้าหน้าที่ใหม่ เหตุผลหลัก คือ เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ปรากฎพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เหตุผลรอง คือ กรณีเหตุเกิดขึ้นต้งแต่ปี 2549 ไม่อาจหาพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ และเอกสารหลักฐานบางส่วนสูญหาย ซึ่งสามารถรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ จำนวน 25 แผ่น จึงได้พิจารณาขอยุติเรื่องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.
2. ประเด็นร้องเรียนกล่าวหาโกงเงินการจัดงานวันเด็ก งบประมาณตั้งไว้ 100,000 บาท แต่ของรางวัลที่จัดให้แก่เด็กไม่เพียงพอ ไม่เหมาะสมกับจำนวนเงินที่จัดสรร งบประมาณที่เบิกจ่ายจริง จำนวน 88,935 บาท เหตุผลหลัก การเบิกจ่ายค่าจัดซื้อขนมให้แก่เด็ก จำนวน 42 รายการ เป็นเงิน 19,842 บาท และมีโอกาสเป็นไปได้ว่า ในขณะแจกจ่ายขนมเกิดการชุลมุนตามพฤติกรรมของเด็กทำให้ได้รับไม่ทั่วถึง หรือได้รับมากน้อยไม่เท่ากัน เหตุผลรอง เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งได้ล่วงเลยมาแล้วเป็นเวลา 9 ปี ทำให้เอกสารที่เกี่ยวข้องสูญหาย ไม่อาจหาพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการสอบข้อเท็จจริงได้ ซึ่งสามารถรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ จำนวน 132 แผ่น จึงได้พิจารณาขอยุติเรื่องไปยังสำนักงานป.ป.ช.
สำหรับประเด็นอื่นๆ จำนวน 5 ประเด็น เอกสารมิได้สูญหายแต่อย่างใด แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่สามารถแสวงหาพยานหลักฐานได้เพียงพอที่จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ จึงได้พิจารณาขอยุติเรื่องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสารสูญหายจังหวัดสกลนครได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากเว็บไซต์ สพฐ.
