ไม่วางตัวเหนือกฎหมาย-ไม่ต้องมีปฏิวัติ คือชัยชนะของคนไทย
เราได้เห็นสัญญาณมากมายแห่งการปรองดอง จนล่าสุด การที่คณะรัฐบาลที่จัดเข้ารดน้ำขอพรจาก ฯพณฯประธานองคมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
เป็นภาพที่งดงาม เป็นไปตามประเพณีนิยม
... รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ได้รับชัยชนะจากเสียงสนับสนุนของประชาชน
... ท่านประธานองคมนตรี เป็นผู้ใหญ่ และเป็นเสาหลักในสังคมมานาน มีประวัติเที่ยงตรง และ เที่ยงธรรม
ระหว่างการต่อสู้ทางการเมือง อาจมีประเด็นความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ในสังคมอยู่บ้าง สิ่งที่เกิดขึ้น แม้หลายเรื่องจะไม่ควรเกิดขึ้น แต่ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว...เรากลับไปย้อนคืนก็ไม่ได้แล้ว อยู่ที่ว่า เราจะเลือกเดินหน้าอย่างไร...
นี่คือความงดงามของโลกเรา ดังคำสอนของพระเยซูคริสต์ ที่ทรงสอนเป็นคำอุปมาว่า
“แต่ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายผู้หนึ่งมีบุตรชายสองคน บิดาไปหาบุตรคนแรกว่า ‘ลูกเอ๋ย วันนี้จงไปทำงานในสวนองุ่นของพ่อเถิด’ บุตรคนนั้นตอบว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ไป’ แต่ภายหลังกลับใจแล้วไปทำบิดาจึงไปหาบุตรคนที่สองพูดเช่นเดียวกัน บุตรนั้นตอบว่า ‘ข้าพเจ้าไปขอรับ’ แต่ไม่ไปบุตรสองคนนี้คนไหนเป็นผู้ทำตามความประสงค์ของบิดาเล่า” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “คือบุตรคนแรก” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า พวกคนที่เคยบาป และกลับใจแล้ว ก็เข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่านทั้งหลาย”
มนุษย์เราทุกคน มี “โอกาสที่สอง ที่จะเลือกเดินทางสว่าง” เสมอ
พระเจ้าทอดพระเนตรมองคนจากจิตใจ ในขณะใดๆ
คนที่เคยเป็นคนเก่ง คนดี อาจหลงทางได้ คล้ายๆดังในเรื่อง “สตาร์วอรส์”
...อนาคิน สกายวอคเกอร์ เป็นเจไดอัจฉริยะ เก่งตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อหลงทางบาป คิดเห็นแก่ตัวเองฝ่ายเดียว ในที่สุด ก็หลงอำนาจ กลายเป็นดาร์ค เรดเดอร์
แต่ดาร์ค เรดเดอร์เอง ในที่สุด ก็กลับใจ ละทิ้งทางบาป ก็กลับมาเป็นผู้สร้างสันติได้อีกครั้ง
สังคมเรา หากยังสู้กันเองในหมู่พี่น้องคนไทย ก็มีแต่จะทำให้บ้านเมืองไม่แข็งแรง
ในเวลานี้ ผมว่าไม่ว่าใครเคยคิดว่าตัว อยู่สีเหลือง อยู่สีแดง อยู่สีเขียว อยู่หลากสี ก็ไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย ผมเชื่อว่า ทุกคน รัก “ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ของเรา
แม้ว่า ระดับบทบาทของแต่ละฝ่ายในระบอบประชาธิปไตยนี้ จะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ดูเหมือนทุกคนอยากให้ประเทศเดินหน้าไป ประชาธิปไตยเดินหน้าไป
นักการเมือง อาสามาทำงานให้ประชาชน ผ่านการประกาศนโยบายที่จะทำให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุข
ความงดงามของประชาธิปไตย คือ ไม่ให้ใครผูกขาดอำนาจ โดยเฉพาะการผูกขาดโดยอำนาจอย่างไม่ชอบ ลึกๆแล้ว คือ การแข่งขันของนักการเมืองผู้อาสาประชาชน ที่จะทำงานเพื่อประชาชน
ผู้ชนะจะรักษาศรัทธาไว้ได้หรือไม่ ตามระบอบประชาธิปไตย จึงอยู่ที่ ทำให้ประชาชนมีความสุข พ้นปัญหาความยากลำบากได้จริงๆหรือไม่ สัตย์ซื่อหรือไม่ โกงชาติหรือไม่
...เพราะอย่างสถานการณ์ของแพง ประมาณที่หลายคนเริ่มใช้คำว่า “แพงทั้งแผ่นดิน” มีการลดงบประมาณช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวนน้อย จนมีความเดือดร้อนโดยทั่วไปไม่น้อย หากยังมีปัญหานักการเมืองโกงชาติ ประชาชนก็คงทนรับได้ยาก เพราะแทนที่จะเอาเงินที่โกงชาติไปเข้ากระเป๋าตัว ก็น่าที่จะนำมาใช้แก้ไขปัญหาของประชาชนเสียมากกว่า
ถึงเวลานี้ จึงไม่มีใครอยากเห็นการ “โกงชาติ” หรือ “การวางตัวเหนือกกฎหมาย ทำให้กฎหมายเป็น 2 มาตรฐาน” อีกต่อไป ทุกคน ทุกสี ทุกฝ่าย อยากเห็นกฎหมายได้ทำงาน
ผมดีใจที่พูดถึงการให้อภัย เพื่อความปรองดอง โดยให้อภัยความผิดของคนหมู่มาก ในลักษณะความผิดทางการเมือง เช่นการชุมนุมของสีเหลือง สีแดง ชาว 3 จังหวัดภาคใต้ ฯลฯ แต่ไม่ละเว้นความผิดอาญาของนักการเมือง
...ใครโกงชาติ ถ้าผิดจริงก็ต้องรับผิด
...ใครกระหายเลือดสั่งฆ่าประชาชน ถ้าผิดจริงก็ต้องรับผิด
ส่วนการทำรัฐประหารเพื่อครองอำนาจ ก็ดูจะจบไปตั้งแต่ปี 2535 แล้ว พลังของประชาชนที่ต่อต้านการได้มาซึ่งอำนาจผ่านการทหารนั้น ได้ช่วยทำให้จบไปในครั้งนั้น
ครั้งปี 2549 ที่ผ่านมานั้น คมช. มา จึงทำหน้าที่ได้เพียงการหาหลักฐาน ซึ่งหากมีการปลอมแปลงหลักฐาน ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ และหากเป็นการทำเพื่อครองอำนาจรัฐในมือของผู้นำรัฐประหาร ประชาชนก็คงไม่ยอมรับเช่นเดียวกัน
บัดนี้ ประเทศไทย คนไทย ได้เลือกทางปรองดอง บนถนนประชาธิปไตยแล้ว อย่าให้ใครย่ำยีกฎหมาย วางตัวเหนือกฎหมาย หรือฉีกกฎหมายกันอีกเลย
เพราะหากเรายังเลือกทางมืด ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ และขออย่าได้นำประเทศไทย ไปเสี่ยงต่อกลียุคกันอีก
ถ้าคิดได้ว่า Let it be. คือ สิ่งที่เกิดนั้น แม้ไม่ได้ตามใจ ก็ขอให้ทำใจเป็นสุขได้ ไม่ใช่ “ช่าง...มัน” ก็จะทำให้จิตใจพบสันติสุข และร่วมกันสร้างคุณูปการให้กับประเทศไทยอีกมากมายต่อไปครับ
