กนอช.ปรับแผน ร่างทีโออาร์ ดึง ตปท.ออกแบบโครงการจัดการน้ำระยะยั่งยืน
นายกฯ สั่งเร่งแก้ภัยแล้ง ให้ "ปลอดประสพ" ลงพื้นที่เฉพาะจุด ยันไม่ล้มเขื่อนแม่วงก์ เพิ่มทำความเข้าใจปชช. กบอ.เตรียมร่างทีโออาร์ เปิดโอกาสตปท.เสนอแผนจัดการน้ำใหม่ ยึดโครงกยน.
วันที่ 2 พฤษภาคม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ครั้งที่ 2 โดยมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ) นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน และนายกิจจา ผลภาษี ประธานคณะอนุกรรมการวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ในคณะกรรมการกยน. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมกนอช.ถึงปัญหาภัยแล้งว่า ในส่วนของน้ำดื่มเพื่อการอุปโภค บริโภคทางกระทรวงมหาดไทยทำการการแจกจ่ายในพื้นที่ที่ต้องการอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทั้งนี้ ที่ประชุมในวันนี้มีการพูดคุยถึงการนำน้ำมาช่วยในภาคการเกษตร โดยนอกจากจะมีมาตรการปรับระดับน้ำเขื่อนก่อนหน้านี้แล้ว ทางกระทรวงเกษตรได้ให้กรมฝนหลวงช่วยในพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้งมากๆ พร้อมสั่งการเพิ่มให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดูในส่วนของการนำแหล่งน้ำอื่นๆ มาช่วยในการเกษตรอีกทาง
สำหรับในกรณีที่มีการออกมาคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยและทำความเข้าใจว่า ทุกอย่างมีความจำเป็นและมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ การพูดคุยให้เข้าใจและร่วมหาทางออก ทั้งนี้ได้ย้ำในพื้นที่ให้ทำการชี้แจ้งแก่พี่น้องประชาชน
ดึงผู้เชี่ยวชาญจีนติดตามผลใช้งบ 1.2 แสนล.บ.ป้องน้ำท่วม
ขณะที่นายปลอดประสพ กล่าวถึงรายละเอียดการการประชุมว่า มี 4 เรื่องหลักที่พิจารณา ประเด็นแรก ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไปเยือนประเทศจีน ได้มีจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีจีน ขอให้รัฐบาลจีนส่งผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดเรื่องน้ำมาช่วยวิเคราะห์แผนงานป้องกันน้ำท่วมของประเทศไทย พร้อมทั้งช่วยติดตามผลของการใช้เงิน 1.2 แสนล้านบาทระยะเร่งด่วนที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่าหากมีน้ำในปีนี้จะสามารถต่อสู้ได้
"ทีมผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนคาดว่าจะเป็นทีมที่เก่งที่สุดและจะอยู่ต่อในเมืองไทยประมาณ 1 เดือน เพื่อให้คำแนะนำ โดยเฉพาะในช่วงที่ปริมาณน้ำมากที่สุด"
ประเด็นที่สอง นายปลอดประสพ กล่าวว่า ได้อนุมัติงบประมาณเพิ่ม 2 ยอด จากในส่วน 3.5 แสนล้านบาท ให้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 940 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปลูกป่า ฟื้นฟูระบบนิเวศให้ป่าต้นน้ำสามารถดูดซับน้ำได้ เช่น การเพาะกล้าไม้ หญ้าแฝก ทำฝายเก็บน้ำ แต่สำหรับการปลูกต้นไม้ยังไม่ได้อนุมัติ เนื่องจากต้องหารือร่วมกัน เพราะการปลูกป่าเกี่ยวพันกับการใช้ที่ดินป่าไม้ ภาคสังคมต้องมีส่วนรับรู้ ปัญหาการบุกรุกและคนอยู่กับป่าต้องแก้ไขไปด้วยกัน
อีกยอดหนึ่ง เป็นการอนุมัติวงเงินในส่วนของกระทรวงคมนาคม ที่มีผู้ใช้ คือ กรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อก่อสร้างเขื่อนริมคลองรังสิต 2 ตอน ป้องกันน้ำเหนือที่จะไหลบ่าข้ามคลองรังสิตมาท่วมตอนเหนือของ กทม. ซึ่งเป็นการอนุมัติยอดเดิม
ประเด็นที่สาม ในส่วนริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือริมคลองที่ได้งบประมาณจากกระทรวงคมนาคม เพื่อไปยกถนนขึ้นเป็นคันกั้นน้ำ จะให้จังหวัดร่วมกับท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการแทน เนื่องจากเขื่อนมีความคดเคี้ยวและซับซ้อน และหากเขื่อนของจริงสร้างเสร็จไม่ทัน ให้จัดทำเป็นเขื่อนดินชั่วคราว กำหนดไว้ว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ต้องเสร็จสิ้น
ร่างทีโออาร์ เปิดตปท.ออกแบบโครงการจัดการน้ำ
ประเด็นที่สี่ ขณะนี้งบในส่วน 3.5 แสนล้านบาท เมื่อหักจากการใช้ปรับโครงสร้าง 1 หมื่นล้านบาท และที่อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และที่กำลังจะอนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรมอาทิตย์หน้าแน่นอน จะเหลือประมาณ 3 แสนกว่าล้าน ที่ต้องควบคุมแผนการใช้ให้ดี ดังนั้น กบอ. จึงนำเสนอ กนอช.ในที่ประชุมวันนี้และจะเข้า ครม.ในอาทิตย์หน้าว่า จะเลือกทำเฉพาะโครงการหลักที่อยู่ในแผนระยะยั่งยืนของ กยน.ก่อน ซึ่งเป็นแผนที่ใช้ในการกู้เงินและใช้ชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว
นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า จะยึดกรอบเวลา 2+2+3 ที่เริ่มต้นจาก 2 อาทิตย์ต่อจากนี้ กบอ.จะเขียนทีโออาร์แผนโครงการหลักดังกล่าว จากนั้นจะใช้เวลาอีก 2 อาทิตย์เชิญรัฐบาลต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำมารับฟังรายละเอียดทีโออาร์ เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทภายในประเทศนั้นๆ ทำการออกแบบฐานข้อมูลในระดับของแนวความคิด (Conceptual Design) ซึ่งเป็นการออกแบบเบื้องต้นที่สามารถแสดงราคา สถานที่ กรอบเวลา วิธีทำและวิธีคิด ภายในระยะเวลา 3 เดือน
"การออกแบบฐานข้อมูลดังกล่าวจะยึดกรอบแนวคิดและหลักการ 8 แผนงานของ กยน.ชุดระยะยั่งยืนไว้ เช่นข้อกำหนดพื้นที่ห้ามท่วมและเมืองสำคัญ เพียงแต่ตัดส่วนที่กำหนดว่าโครงการจะทำที่ไหนและอย่างไรออกไป แต่หากจะใช้เดิมหรือกว้างขว้างกว่านั้นก็ได้"
เมื่อรัฐบาลได้ฐานข้อมูลในระดับของแนวความคิดจากประเทศต่างๆ แล้ว นายปลอดประสพ กล่าวว่าขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกจะให้คะแนนในด้านต่างๆ เช่น การออกแบบ บุคลากร เพื่อเลือกแผนที่ดีที่สุด ที่อาจจะอยู่ในวงเงิน 3 แสนล้าน หรือมากกว่าก็ได้ ขอให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตามจะประกาศวิธีการตัดสินใจของคณะกรรมการก่อนอย่างแน่นอน
"ในเบื้องต้นคณะกรรมการจะประกอบด้วยตัวผมเอง รวมถึงนายสุพจน์ โตวิจักรชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายกิจจา ผลภาษี และนายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา คณะกรรมการกยน. เมื่อให้คะแนนแล้ว ประมาณเดือนกันยายนจะทำการคัดเลือกโครงการของแต่ละประเทศ จากนั้นจะผ่านการตัดสินใจจาก กบอ. กนอช.และ ครม.ตามลำดับ จากนั้นประเทศดังกล่าวจึงเริ่มทำรายละเอียดการก่อสร้างและเริ่มก่อสร้างได้ทันที เหตุที่ต้องเร่งรัดระยะเวลาดังกล่าว เนื่องจากกรอบการกู้เงินจะต้องแล้วเสร็จภายใน 30 มิถุนายน 2556" นายปลอดประสพ กล่าว และว่า สามารถเลือกโครงการได้ตามความเหมาะสม อาจเลือกหลายประเทศก็ได้ พิจารณาจากโครงการเป็นหลัก เช่น เขื่อน ฟลัดเวย์ การปรับปรุงระบบชลประทาน 17 ลุ่มน้ำ พื้นที่รับน้ำ เป็นการเปิดโอกาสให้เรามีทางเลือกมากยิ่งขึ้น หรือาจจะเลือกแผนของประเทศใดประเทศหนึ่งเลยก็ได้ ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 10 ประเทศที่สนใจ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เนเธอร์แลนด์ ฮังการี เกาหลี อังกฤษและอิสราเอล
เดินหน้าเขื่อนแม่วงก์ ให้ผู้เชี่ยวชาญ ตปท.ศึกษาใหม่
นายปลอดประสพ กล่าวถึงการบูรณาการการป้องกันภัยไว้ว่า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.ภาวะปกติ จะได้รับการดูแลในเชิงพัฒนาการ ใช้ระบบคณะกรรมการที่มีอยู่ เช่น กบอ. และกนอช. 2.ภาวะวิกฤติ จะได้รับการดูแลแบบเผชิญเหตุ ใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังร่างแผนดังกล่าวอยู่
สำหรับกรณีเขื่อนแม่วงก์ นายปลอดประสพ กล่าวว่าจะอยู่ในแผนทีโออาร์ เพื่อเสนอให้ต่างประเทศคิดใหม่เช่นกัน ส่วนที่ ครม.อนุมัติหลักการแล้วก็ไปศึกษาเพิ่มเติมและทำการแก้แบบ ยังไม่ได้สร้างและไม่ได้ขัดกันในหลักการ เพียงแต่จะมีคู่แข่งเชิงวิธีคิดมาเปรียบเทียบกัน
ลงพื้นที่แก้ภัยแล้งเฉพาะจุด เชื่อคลี่คลายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนสถานการณ์แล้ง นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำ และมีคำสั่งให้ นายปลอดประสพ ลงพื้นที่แก้ไขสถานการณ์ในอาทิตย์หน้า เริ่มที่จังหวัดอุทัยธานี อยุธยา อ่างทองและสิงห์บุรี โดยยึดหลักคิดว่าจังหวัดอยู่ใกล้แม่น้ำ หน่วยงานหลักจะปั๊มน้ำใส่ในคลอง ทั้งคลองชลประทานและคลองขุดลอก จากนั้นหน่วยงานรอง จะปั๊มน้ำจากคลองเข้าเหมือง ฝาย เพื่อให้ชาวบ้านปั๊มเข้านาตนเอง เน้นภาคกลางให้ผู้ที่ปลูกข้าวปีนี้อยู่รอดได้ อย่างไรก็ตามภัยแล้งเป็นเรื่องเฉพาะจุด ซึ่งแก้ไขได้แน่นอน
