เงินเฟ้อเดือน เม.ย. 2.47% ชะลอลงเนื่องจากฐานราคาที่สูงในปีที่แล้ว
กระทรวงพาณิชย์ประกาศอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน 2012 โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.47%YOY (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) ชะลอลงจาก 3.45%YOY ในเดือนมีนาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.13%YOY ชะลอลงจาก 2.77%YOY ในเดือนที่ผ่านมา
อัตราเงินเฟ้อชะลอลงเนื่องจากฐานราคาที่สูงในปีที่แล้ว
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงมาอยู่ที่ 2.47%YOY ซึ่งลดลงจากเดือนก่อนค่อนข้างมากเนื่องจากในเดือนเมษายนปีที่แล้วดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงมาก (รูปที่ 1) หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีฐานค่อนข้างสูง (High base effect) เช่นเดียวกันกับการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ทั้งนี้ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่เราเห็นว่าชะลอตัวลงนั้นไม่ได้หมายความว่าระดับราคาสินค้าชะลอลงมากแต่อย่างใด
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในเดือนเมษายนยังเร่งขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเดือนมีนาคม
โดยปัจจัยหลักมาจากราคาอาหารสดที่เพิ่มขึ้น 1.3%MOM (เทียบกับเดือนที่ผ่านมา) ซึ่งเป็นปกติที่ราคาอาหารสดจะเร่งขึ้นในเดือนนี้ โดยราคาเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ เพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก ราว 4.6%MOM และ 2.4%MOM ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนีราคาพลังงานเพิ่มขึ้น 1.1%MOM จากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศและราคาแก๊ส LPG และ NGVที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตามนโยบายการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของรัฐบาล
ปัจจัยที่เคยทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นปีเริ่มชะลอลง
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มทรงตัว ไม่เพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วเหมือนกับช่วงต้นปี ขณะที่ราคาอาหารสำเร็จรูปที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็เริ่มชะลอตัวลงในเดือนนี้
อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่เหลือของปี
ปัจจัยหลักมาจากการที่ค่าจ้างขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้นทั่วประเทศราว 40% ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องมีการส่งผ่านต้นทุนมายังราคาสินค้า โดยการส่งผ่านมีแนวโน้มจะส่งผลเต็มที่ในช่วงครึ่งหลังของปี ดังนั้น เมื่อพิจารณาประกอบกับราคาพลังงานในประเทศที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องแล้ว อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ราว 3.5-4.0%
จับตาดูนโยบายที่กระทบต่อต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพ
โดยเฉพาะนโยบายพลังงานซึ่งกระทบราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ราคาแก๊ส LPG ภาคการขนส่ง ราคา NGV หรือแม้แต่ค่าไฟฟ้า ซึ่งล้วนส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตตลอดจนค่าครองชีพของครัวเรือน
คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ที่ระดับ 3.0%
แม้ความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อจะมีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ส่วนใหญ่แล้วปัจจัยที่กดดันราคาสินค้านั้นมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่แรงกดดันจากด้านอุปสงค์นั้นน่าจะไม่สูงมากนัก ประกอบกับความเสี่ยงในการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปยังคงไม่หมดไป ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับนี้ยังเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปัจจุบัน
รูปที่ 1: อัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ชะลอลงเนื่องจากผลของฐานราคาที่สูงในเดือนเดียวกันของปีก่อน
โดย : ดร. พชรพจน์ นันทรามาศ ([email protected])
ธนกร ลิ้มวิทย์ธราดล ([email protected])
EIC | Economic Intelligence Center
