กมธ.เผย มติครม. 10 เมษาฯ อนุมัติ ‘เขื่อนแม่วงก์’ ไม่ชอบด้วยกม.
"กัลยา โสภณพนิช" แจง กมธ.ยื่นหนังสือถึงครม.ตั้งข้อสังเกต มติเห็นชอบแม่วงก์ เอกสารส่อแววหมกเม็ด ระบุยิ่งเสนอโครงการงบฯ ยิ่งเพิ่ม ย้ำ EIA-HIA ยังไม่ผ่าน จะอนุมัติให้สร้างไม่ได้
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบในหลักการการดำเนินงานโครงการเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ โดยจะใช้งบประมาณ 13,280.445 ล้านบาท และใช้ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบประมาณ 2555-2562) ซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการน้ำและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายละเอียดต่างๆ ของโครงการ เช่น แผนปฏิบัติการของโครงการ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ฯ และแผนการเงินของโครงการ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) พิจารณา
โดยเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร จัดประชุมเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการเขื่อนแม่วงก์ โดยได้เชิญกรมชลประทาน กรมอุทยานฯ สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และภาคประชาชนที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมาร่วมประชุม ณ อาคารรัฐสภา
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ สำนักข่าวอิศรา ถึงผลการประชุมฯ ดังกล่าวว่า ในเบื้องต้นทาง กมธ.ยังไม่สรุปผลการศึกษาทั้งหมด เนื่องจากยังรับฟังความคิดเห็นไม่ครบถ้วน อย่างไรก็ตามได้ทำหนังสือรวบรวมข้อมูลและตั้งข้อมูลสังเกตในเบื้องต้นไปยัง ครม.แล้วว่า ก่อนที่จะอนุมัติหรือเห็นชอบให้มีการก่อสร้างควรให้ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA (Environmental Impact Assessment) และการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ หรือ HIA (Health Impact Assessment) เสียก่อน
"ผลการศึกษา EIA และ HIA โครงการก่อสร้างเขื่อนที่ได้รับการอนุมัตินี้ ทำการศึกษาตั้งแต่ปี 2525 แต่ยังไม่ผ่าน การศึกษาครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนสิงหาคม สิ้นสุดวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 ก็ยังไม่ผ่าน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ครม.จะอนุมัติโครงการที่อาจจะมีผลกระทบรุนแรงต่อประชาชนได้อย่างไร หากผลการศึกษายังไม่ผ่านจะทำไม่ได้ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 67 วรรค 2"
คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้กรมชลประทานเคยเสนอโครงการก่อสร้างในงบประมาณเพียง 3,187 ล้านบาท สำหรับความจุน้ำ 380 ล้านลบ.ม. จากนั้น เดือนสิงหาคม 2554 กรมชลประทาน เพิ่มงบประมาณเป็น 9,629 ล้านบาท ถัดจากนั้นอีก 8 เดือน งบประมาณกระโดดมาเป็น 13,000 ล้านบาท แต่ความจุเขื่อนกลับลดลงเหลือเพียง 258 ล้านลบ.ม. ซึ่งในส่วนเรื่องเงินงบประมาณนั้น จะมีการติดตามต่อว่า มีวาระพิเศษหรือไม่
"ผลการสำรวจและศึกษาจากหลายฝ่ายพบอีกว่า เขื่อนแม่วงก์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากตัวเขื่อนแม่วงก์มีลักษณะเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวขนาดความจุเพียง 258 ล้านลบ.ม. ซึ่งปริมาณน้ำที่ท่วม กทม.เมื่อปลายปีที่ผ่านมามีมากถึง 4 หมื่นล้านลบ.ม. จึงไม่สามารถอ้างได้ว่าจะสร้างเขื่อนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม"
ตั้งข้อสงสัย มติครม.ทำขึ้น 2 ฉบับ ?
คุณหญิงกัลยา กล่าวด้วยว่า กมธ.ตั้งข้อสังเกตถึงเอกสารมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่าจัดทำขึ้น 2 ฉบับ คือ 1.ฉบับที่ยื่นให้หน่วยงานราชการ ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ 2.ฉบับที่ให้สาธารณะเผยแพร่ ที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างเขื่อน จึงเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมาก เหตุผลดังกล่าวนี้ กมธ.จึงเห็นว่า มติ ครม.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
"การอนุมัติให้สร้างเขื่อน เมื่อเป็นไปด้วยความรีบร้อนมากเกินไปและยังไม่ผ่านการศึกษาผลกระทบ ทำให้มองได้ว่าการตั้งงบประมาณ 13,000 ล้านบาทนั้น เป็นไปเพื่อใช้งบ 3.5 แสนล้านบาท และนำเงินดังกล่าวไปทำการศึกษามากกว่าการสร้างเขื่อน"
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ทำหนังสือไปยัง ครม.โดยมีเนื้อหาหลัก ดังนี้
1.ขอให้คณะรัฐมนตรีทบทวนทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์
2.ขอให้รัฐบาลศึกษาทางเลือกอื่นในการป้องกันปัญหาอุทกภัย และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งแทนการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์
3.การดำเนินโครงการเขื่อนแม่วงก์ ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ให้มากที่สุด