"วิชิต ปลั่งศรีสกุล" 111 ทรท. "พท.จะโตรอวันแตกหรือโตแบบยั่งยืน"
เมื่อกลุ่มการเมือง รหัส 111อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) คัมแบ็คการเมืองอีกรอบหลัง 30 พฤษภาคม 2555ที่นับจากนี้ก็เหลืออีกไม่เกิน 3 สัปดาห์ จะทำให้การเมืองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และในพรรคเพื่อไทยมีการขยับเขยื้อนอะไรหรือไม่ ?
นี่คือสิ่งที่ผู้คนในแวดวงการเมืองกำลังให้ความสนใจ
เหตุเพราะแม้อดีต 111 ทรท.จะร้างลาการเมืองไปห้าปีหลังโดนตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสิทธิการเมืองในคดียุบพรรคไทยรักไทย แต่หลายคนก็มีบทบาทการเมืองสูงยิ่งในช่วงที่ผ่านมาทั้งในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน มาจนถึงรัฐบาลเพื่อไทยแม้แต่การอยู่เบื้องหลังการเติบใหญ่ของมวลชนคนเสื้อแดง
บางรายก็เรียกได้ว่าเป็นรัฐมนตรีตัวจริงในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นคนคุมโควต้าและควบคุมการทำงานของรัฐมนตรีบางคนอย่างเปิดเผย
อาทิ “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์”พี่สาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่นับดูแล้วถือว่ามีรัฐมนตรีในสังกัดหลายคน เช่น บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์-วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี-ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง หรือสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ด้วยเหตุนี้ การกลับมาของ 111 ทรท.หลัง30 พ.ค. ซึ่งดูแล้วคงไม่ถึงกับทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงมาก จนพลิกแบบหลังมือเป็นหน้ามือคือดีขึ้นจนถึงกับผิดหูผิดตา หรือทำให้ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ แต่ก็จะทำให้การเมืองมีสีสันน่าติดตามไม่น้อย
“สำนักข่าวอิศรา”ไปพูดคุยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่ม 111 ทรท.กับ “วิชิต ปลั่งศรีสกุล”อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย 2 สมัย ที่ล่าสุดมีตำแหน่งการเมืองคือ เลขาธิการมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ซึ่ง”วิชิต”ตอนนี้บทบาทการเมืองคือมือประสานงานของพวก111ทรท.ในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีบทบาทในฐานะผู้ติดต่อกับคนในก๊วน 111 ทรท.ในการกลับมาทำกิจกรรมการเมืองอีกรอบ
ก่อนเริ่มพูดคุย “วิชิต” เพิ่งวางสายโทรศัพท์ที่สนทนากับ”สมศักดิ์ คุณเงิน”อดีตส.ส.ขอนแก่น หลายสมัย ที่เป็น 1ใน 111 ทรท.เช่นกัน โดยวิชิตบอกว่า สมศักดิ์ติดต่อมาว่า จะมาร่วมงานฉลอง 5 ปีการพ้นโทษในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ซึ่งมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ทรท.ได้กำหนดจะจัดกิจกรรมหลายอย่างในวันดังกล่าวตั้งแต่ทำบุญตักบาตร ปล่อยนกพิราบขาว 111 ตัว จนถึงการจัดงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมมิราเคิล หลักสี่ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็เป็น 1 ใน 111 ทรท.จะวีดีโอลิงค์มาพูดคุยด้วย แต่ล่าสุด “วิชิต”บอกว่าการจัดงานดังกล่าวอาจจะเลื่อนวันไปก่อน เพราะส่วนใหญ่ใน 111 ทรท.จะยกทีมไปร่วมขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่เลือกตั้งซ่อมส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 ในวันที่ 30พ.ค.นี้ที่เชียงใหม่แทน แต่ว่าทั้งหมดจะมารวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 1 มิถุนายน เพื่อตบเท้าเข้ากรอกใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการโดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีคอยให้การต้อนรับ
“ช่วงนี้ 111 ไทยรักไทย ดูคึกคัก มีชีวิตชีวาการเมืองดี”สำนักข่าวอิศรา เกริ่นนำ
“ก็เป็นเรื่องปกติ คนเป็นนักการเมือง หายไปห้าปี กลับมาก็ต้องอยากมาเจอกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน”วิชิตตอบกลับมา
แล้วทิศทาง 111 ทรท.จะเป็นอย่างไร หลังจากนี้ ตกลงตัวเลขกลมๆ จะมีกลับมาเล่นการเมืองกับเพื่อไทยกี่คน เอาเฉพาะในส่วนของเพื่อไทย พรรคอื่นไม่รวม?
“วิชิต” บอกว่า ล่าสุดที่คุยกัน ถามกันแต่ละคนแล้ว เบื้องต้นณ ตอนนี้ 8 พฤษภาคม อยู่ที่ 60-65 คน และเชื่อว่าจะมีมากกว่านี้ อันนี้เฉพาะของเพื่อไทยอย่างเดียว ภูมิใจไทย ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ไม่นับในนี้ ก่อนหน้านี้บางคนก็โทรมาหาผม บอกว่ามีคนของเพื่อไทยไปแจ้งชื่อว่ามีแค่ 35 คนแล้วไม่มีชื่อบางคนเช่น เสี่ยแมะ สิทธิชัย กิตติธเนศวร อดีตส.ส.นครนายกหลายสมัย หรือกฤษ ศรีฟ้า อดีตส.ส.พังงา ไทยรักไทย ก็โทรมาบอกว่าผมกลับมาด้วย ทำไมไม่มีชื่อผม อย่าลืมพวกเขา ก็มีแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร บางส่วนก็ต้องเคลียร์กันอยู่ว่าจะเอาอย่างไร เช่น นพ.จาตุรงค์ เพ็งพรพัฒน์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ ที่ภรรยาเป็นส.ส.ศรีษะเกษ พรรคภูมิใจไทย
“บางรายอย่าง พี่บุญพันธ์ แขวัฒนะ อดีตส.ส.อยุธยาฯหลายสมัย อายุ 80กว่าแล้ว ก็ยังบอกจะกลับมาอีก แต่ที่เราคุยกัน เราคุยกันแค่ว่า เออ ครบห้าปีแล้ว จะกลับมาเล่นการเมือง ไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะได้มาเจอกัน แต่ไม่ได้คุยกันถึงเรื่องตำแหน่งการเมือง เช่น รัฐมนตรี ที่ปรึกษา อะไรต่างๆ แต่ทุกคนก็ยังบอกว่าอยากกลับมาการเมือง
พวกเราก็คงจะเข้าไปช่วยงานพรรค เช่นงานด้านกฎหมาย การให้คำปรึกษาแนะนำ ก็แล้วแต่ทางพรรคเขาจะมอบหมายและคุยกันว่าใครสนใจงานด้านไหน แต่อย่างเรื่องปรับครม.คงคุยกันไม่ได้ เพราะอำนาจทุกอย่างก็อยู่ที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ใช่ว่าจู่ๆ พวกเรากลับมาแล้ว เข้ามามีตำแหน่งกันในรัฐบาล ปรับตำแหน่งอะไรกันในพรรคใหญ่แบบนี้คงไม่มี พรรคพวกจะตกใจกันหมด”
“วิชิต”บอกว่า สิ่งที่ 111 ทรท.จะเข้าไปช่วยงานพรรคเพื่อไทยหรืองานรัฐบาล น่าจะเป็นการเข้าไปช่วยเพื่อให้การทำงานดีขึ้น ตรงไหนมีจุดอ่อนก็ไปเสริม งานพรรคอะไรที่ต้องทำให้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ก็จะเข้าไปช่วยดู ไปเสนอความคิดเห็น อย่างเช่นการปฏิรูประบบการบริหารงานพรรค การวางโครงสร้างพรรคให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมประชาธิปไตยและการเมืองสมัยใหม่ ที่จะต้องกระจายอำนาจและการให้ประชาชน หรือผู้สนับสนุนพรรคได้เข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคมากขึ้น
“พรรคเพื่อไทย ก็ต้องไปยังจุดนั้น ไม่ทำก็ไม่ได้ การเป็นพรรคการเมืองมันก็คือองค์กร ยิ่งเพื่อไทยเป็นองค์กรใหญ่ น มีมวลชนผู้สนับสนุนพรรคอย่างคนเสื้อแดงทั่วประเทศ มีสมาชิกพรรค มันก็ต้องมีระบบบริหารจัดการให้ออกมาดี ไม่มีอะไรผิดพลาด อย่างเช่นข้อมูลเรื่อง 111ไทยรักไทยจะกลับมา ก่อนหน้านี้ที่ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยไปบอกว่ามีประมาณ 35 คน ทั้งที่จริงมีมากกว่านั้นมาก อันนี้ก็เป็นตัวอย่างเล็กๆ ของระบบการบริหารงานพรรคที่ไม่ประสานกัน “
เมื่อถามว่าตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการปฏิรูปหรือวางระบบตำแหน่งการเมืองของเพื่อไทยที่คิดไว้มีอะไรบ้าง?
“วิชิต”ยกตัวอย่างว่า ก็เช่นกรณี การเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ที่เกิดปัญหาขึ้นหลายจังหวัดในเรื่องการส่งคนลงสมัครที่คนของพรรคก็แย่งกันส่งคนลง ทั้งที่เป็นการเมืองท้องถิ่น ส่วนนี้ ก็ควรที่พรรคเพื่อไทย ต้องแยกบทบาทตำแหน่งให้ชัดระหว่างการเมืองระดับชาติกับท้องถิ่น ก็ควรต้องคุยกันว่าจะเอาอย่างไร ควรที่ต้องมีกติกาในการส่งคนหากจะส่งในนามพรรค หรือแม้แต่บทบาทของพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดง ก็เช่นกัน ก็ต้องเห็นความชัดเจนว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างไรในอนาคต รวมถึงแม้แต่การคุยกันในพรรคถึงความเป็นไปได้ในการคัดเลือกคนลงสมัครส.ส.ว่าเห็นอย่างไรกับระบบไพรมารี่โหวตที่ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมว่าต้องการให้พรรคส่งใครลงเลือกตั้ง
“ด้วยโครงสร้างระบบพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ว่ากันตามจริงเป็นระบบปิด คือ คนมีอำนาจจริงๆ ก็คือ ผู้บริหารพรรค ส.ส. ทั้งที่ความเป็นพรรค มันเป็นเรื่องความหลากหลาย มีหลายกลุ่มหลายคนที่อยู่กับพรรค ความที่พรรคไม่ได้เปิด ก็ทำให้ประชาชนเข้าถึงพรรคไม่ได้ อย่างเห็นเลยคนเสื้อแดงเวลาไปที่ทำการพรรคเพื่อไทย เขาก็ไปได้ ก็อยู่กันหน้าพรรค บางรายก็ไม่พอใจ บอกไปแล้ว ที่พรรคเขาไม่ต้อนรับ แต่ตอนเลือกตั้งไปหาเขา บางทีเขาก็มาที่มูลนิธิ ก็ควรที่ต่อไปพรรคต้องเปิดให้มากขึ้น คือมีพื้นที่ให้ผู้สนับสนุนพรรค ให้ประชาชนเข้าถึงความเป็นพรรคได้
ถ้าทำได้ พรรคก็จะมีความยั่งยืน จะไม่กลับไปเหมือนเดิม ไม่ล้มคลืนลงง่ายๆ ถ้าวันนี้เรายอมรับความจริงกันว่า พรรคชาติไทยพัฒนาคือ ท่านบรรหาร ศิลปอาชา พรรคเพื่อไทยคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ของเราเป็นพรรคใหญ่กว่ามาก การบริหารพรรคก็ต้องเปิดกว้าง ต้องคุยกันว่าจะปฏิรูปพรรคให้ไปทางไหนอย่างไร ก็ต้องคุยกันเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำ ทุกอย่างมีจุดอ่อน ยิ่งองค์กรใหญ่ ก็ยิ่งต้องคุยกันให้มาก เราก็ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเราก็มีจุดอ่อน”
พูดชัดกันแบบนี้เลยซักต่อว่า แล้วจะเข้าไปทำทันทีเลยหรือไม่ ผู้ใหญ่ในพรรคเอาด้วยหรือเปล่า?
“วิชิต”ออกตัวว่า ก็คุยกันในวงอยู่ แต่ยังไม่ไปถึงระดับคุยกันในวงใหญ่อย่างพวกผู้บริหารพรรคเรื่องสำคัญแบบนี้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ให้แต่ละคนเสนอกันมา
“จุดสำคัญของเรื่องนี้คือ พรรคจะโตเพื่อรอวันแตกหรือจะโตแบบยั่งยืน ถ้าตัวโครงสร้าง ทั้งตัวพรรค ผู้สนับสนุนพรรค โตไปด้วยกัน ก็ไปด้วยกันได้ ถ้าโตแต่หัว แต่ฐานและระบบพรรคไม่โตตาม ก็ไปด้วยกันไม่ได้ ”
ถามว่า บทบาทของผู้สนับสนุนพรรคอย่างคนเสื้อแดง –นปช.ทั่วประเทศ จะเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยต่อไปเรื่อยๆ หรือว่าวันหนึ่งข้างหน้าอาจเกิดปัญหาขึ้น หากฝ่ายคนในพรรคกับมวลชน หรือผู้นำมวลชน เกิดความไม่เข้าใจ ?
เลขาธิการมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ทรท.บอกว่า การเติบโตของพรรคกับของเสื้อแดง ถ้าไปด้วยกันจะดีมาก แต่ต้องมีการเปิดพื้นที่ให้ต่อกัน คิดว่าเสื้อแดงเขามีใจรักประชาธิปไตย การเกิดขึ้นของเสื้อแดง เพราะมันเกิดสิ่งที่เรียกว่าความไม่เป็นประชาธิปไตย แต่บางทีอาจเกิดความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นบ้างระหว่างพรรคกับเสื้อแดง เพราะพรรคอาจไม่มีพื้นที่ในพรรคให้คนเสื้อแดง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
“คือเขารักพรรค อยากมีส่วนร่วมการเมืองกับพรรค แต่พอเข้าไปแล้ว พรรคไม่มีประตูให้เขาเข้าไป มีส่วนร่วม พรรคก็ต้องมีเวทีให้เขา คุณจะเห็นได้ว่าการเมืองนอกรัฐสภาสมัยนี้ต่างกันอดีตมาก เมื่อก่อนนี้ เวลามีปราศรัย มีงานอะไรที่ไหน ก็ต้องจ้างกันไป ขนกันไป แต่ช่วงหลังอย่างงานเสื้อแดง ไม่ต้องจ้างเลย เขามากันเอง เรี่ยไรเงินระดมเงินกันมา แล้วเขาอยากมีความรู้ ก็มีการจัดกิจกรรมอบรมหลักสูตรประชาธิปไตยกันของเสื้อแดง จัดกันเอง มาอาศัยพื้นที่เราบ้าง เช่นที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เสื้อแดงก็จัดอบรมประชาธิปไตย การเมือง กันไปหลายรุ่นแล้ว ประมาณ 9 รุ่นแล้ว
เมื่อประชาชนเปลี่ยนแปลงแล้ว พรรคก็ต้องปรับให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง คือยอมรับในความหลากหลาย เปิดกว้าง มีระบบรับฟังประชาชน
มันเป็นยุคพัฒนาประชาธิปไตย เขาอยากเห็นการเมืองเข้มแข็ง พวกพรรคการเมืองคุณไม่ต้องทำอะไรเลย ขอแค่มีพื้นที่ให้ เอาส.ส.อะไรมาเป็นวิทยากร แค่นั้นพอ คนมันถึงตื่นตัว ทำไมช่องเสื้อแดงคนถึงดูกันมาก”
เมื่อแย้งว่า แต่เพื่อไทยตอนนี้ กลุ่มการเมืองเสื้อแดง-นปช.มีบทบาทสำคัญมากในพรรค ดูจะมีเสียงดังกว่ากลุ่มอื่นด้วยซ้ำ ?
“วิชิต”ไม่เห็นด้วยมากนัก แย้งว่า คนเสื้อแดง เขาก็รู้จักกติกา อาจมีปัญหาไม่เข้าใจกันบ้างบางเรื่อง เช่นเรียกร้องอะไรกัน แต่ทางการเมืองก็เรื่องปกติ มีกันหมดทุกพรรค คิดว่าเสื้อแดงมีความจริงใจพอสมควร เพียงแต่อาจมีปัญหาบางอย่างเช่น ในความเป็นเสื้อแดงเช่นแดงจังหวัด ก็ยังแตกเป็นแดงหลายกลุ่ม ผมไม่เชื่อว่าคนเสื้อแดงจะหนุนเพื่อไทยน้อยลง จะมีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างการขยายตัวเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เป็นนิมิตรหมายที่ดีด้วยซ้ำในเรื่องการตื่นตัวทางการเมือง เท่าที่พบเสื้อแดงส่วนใหญ่ในแต่ละจังหวัด กลุ่มแกนนำแต่ละจังหวัดก็มีการเกาะกลุ่มกันหลวมๆ บางที่ไม่มีผู้นำชัด ก็อาจมีปัญหาเรื่องการนำอะไรของเขาบ้าง พรรคก็คงจะเข้าไปทำอะไรมากไม่ได้
“วิชิต”ย้ำอีกครั้งเรื่องความสำคัญของการปฏิรูปหรือเปิดพื้นที่การเมืองให้ภาคประชาชนในพรรคขนาดใหญ่อย่างเพื่อไทย ว่า ทุกพรรคต้องปรับระบบให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่หยุดนิ่ง การเมืองทั่วโลกประชาชนต่างต้องการมีส่วนร่วม พรรคการเมืองอย่างเพื่อไทยก็ต้องเปิดกว้าง จะให้เป็นระบบสังคมปิดไม่ได้ ในเพื่อไทยก็มีหลายเส้า อาจมี 4 เส้าเช่น พวก 111 ไทยรักไทย พวกแดง พวกกลุ่มนักการเมือง แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาขัดแย้งอะไร ถ้าบริหารจัดการที่ดี
“บางเรื่องก็ต้องปล่อยให้คนเสื้อแดงแสดงออก เราไปปิดกั้นไม่ได้ จะไปคอนโทรลเขาก็ไม่ได้ “
การที่เสนอให้พรรคต้องปรับอะไรหลายอย่าง นอกจากเพื่อทำให้พรรคเข้มแข็งแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะยังเชื่อว่าฝายตรงข้ามของพรรคเพื่อไทย ยังมีความคิดทุบอำนาจของเพื่อไทยอยู่ใช่หรือไม่?
อดีตส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไทยรักไทย ผู้นี้วิเคราะห์ว่า ฝ่ายตรงข้ามยังคิดอยู่ตลอด แต่เขายังหาจังหวะไม่ได้ เขาก็มีคนของเขาในฝายต่างๆ เช่นพรรคการเมือง ฝ่ายอำนาจรัฐ ทหาร แต่เวลานี้กับเมื่อช่วงปี 49 แตกต่างกัน ความตื่นตัวเรื่องประชาธิปไตยของประชาชนมีสูงกว่าตอนนั้นมาก อีกทั้งที่ผ่านมา สัญญาณอะไรหลายอย่างมันดีขึ้นกว่าเดิมมาก เช่นการที่นายกรัฐมนตรีเข้าบ้านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คนก็เชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการปรองดอง ตอนนี้เท่าที่ดู รัฐบาลก็ไม่น่ามีอะไรน่าห่วง
