เด็กป.1 เฮได้ใช้แท๊ปเล็ตล๊อตแรก 4 แสนเครื่องทันเปิดเทอม
ไอซีทีเซ็นซื้อแท๊ปเล็ตบ.เสิ่นเจิ้นล๊อตแรก 4 แสนเครื่อง ราคาเครื่องละ 2,400 บ. คาดถึงมือเด็กป.1 มิ.ย.55 เตรียมชงครม.อนุมัติงบดำเนินการจัดส่งร.ร.เพิ่ม 50 ล้าน
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (รมว.ไอซีที) กล่าวภายหลังเป็นประธานในการลงนามในสัญญาโครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 หรือโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียน (One Tablet PC Per Child) กับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ หรือที่เรียกกันว่าสโคแพด โดยนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ลงนามในสัญญาในการสั่งซื้อแท็บเล็ตระยะแรกจำนวน 400,000 เครื่อง ด้วยมูลค่า 32.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 82 เหรียญฯ ต่อเครื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าแท็บเล็ตล็อตแรกจะส่งถึงไทยประมาณปลายเดือนมิ.ย.นี้ หรือช้าสุดไม่เกินต้นเดือนก.ค.แต่ต้องอยู่ในระยะเวลาส่งมอบไม่เกิน 60 วันนับจากวันที่ 10 พ.ค.ไม่เช่นนั้นจะมีบทลงโทษตามสัญญา
“ภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่เกิน 28 วันจากนี้กระทรวงไอซีทีจะส่งผู้เชี่ยวชาญไปดูเครื่องต้นแบบก่อนจำนวน 2,000 เครื่องที่ประเทศจีนเพื่อตรวจสอบคุณภาพว่าตรงกับทีโออาร์ ก่อนจะเริ่มเดินสายการผลิตจริง ซึ่งมีกำลังการผลิตได้วันละ 20,000 เครื่องต่อวัน”
หลังจากนั้นในระยะที่ 2 กระทรวงไอซีทีจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มเติมในส่วนที่เหลืออีก 5.3 แสนเครื่องภายหลังได้รับส่งมอบแท็บเล็ตในระยะแรกครบหมดแล้ว โดยต้องจัดส่งให้ครบภายใน 90 วัน หรือไม่เกินเดือนก.ค.นี้ โดยในระยะที่ 2 จะต้องมีการลงนามในสัญญาจัดซื้ออีกครั้งหนึ่งกับ บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ และบริษัทต้องทำเรื่องขอเแบงค์การันตี 5% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดกับธนาคารแห่งประเทศจีนหรือแบงค์ออฟไชน่าอีกครั้งด้วยเช่นเดียวกัน
รมว.ไอซีที กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดส่งแท็บเล็ตไปยังสถานศึกษา และโรงเรียนทั่วประเทศนั้นเบื้องต้นได้ให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย เป็นผู้จัดส่งโดยกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นผู้ส่งมอบไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ทั่วประเทศต่อไป
ทั้งนี้คาดว่าจำนวนนักเรียนชั้นป.1ทั่วประเทศมีประมาณ 8.5 แสนคนขณะที่โรงเรียนที่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตประมาณ 2 หมื่นโรงเรียน แต่มีโรงเรียนที่พร้อมรองรับโครงการแท็บเล็ตเพียง 9,600 โรงเรียนเท่านั้น โดยช่วงเดือนแรกของการเปิดเทอมจะต้องมีการปรับการเรียนการสอนก่อน หลังจากนั้นนักเรียนจะได้ใช้แท็บเล็ตราวเดือนก.ค. ซึ่งในช่วงเทอมแรกจะเป็นการใช้งานแท็บเล็ตแบบออฟไลน์ ส่วนในเทอม2 จึงเป็นการใช้งานแบบออนไลน์
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงไอซีทียังของบโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมสำหรับค่าใช้จ่ายในการขนส่งแท็บเล็ตไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยกระทรวงไอซีที ได้ทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี เพื่อขอสนับสนุนงบกลางฉุกเฉินประจำปี 2555 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดังกล่าวแล้ว ในเบื้องต้นได้เสนอของบจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าครม.จะอนุมัติก่อนได้รับเครื่องแท็บเล็ตในระยะแรก
สำหรับราคาแท็บเล็ตต่อเครื่องที่สโคปได้เสนอไว้อยู่ที่ 82 เหรียญหรือประมาณ 2,400 บาท ซึ่งจะจัดส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ มาพร้อมสเปก หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูล 8 GB หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู แบบดูอัล คอร์ 1.2 GHz และหน่วยความจำหลัก 1GB ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) และใช้แบตเตอรี่ชนิด Lithium Polymer ขนาดความจุ 3,600 mAh รับประกัน 2 ปี ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการจะเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน การพัฒนาบุคลากร และสร้างความเข้าใจ เพื่อการใช้งานเครื่องแท็บเล็ตต่อไป
ด้าน นายจุน หลิวประธานบริษัท เสิ่นเจิ้นสโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ กล่าวว่า บริษัทสามารถผลิตแท็บเล็ตได้ 2 หมื่นเครื่องต่อวัน โดยบริษัทมีแผนที่จะตั้งศูนย์บริการในประเทศไทยโดยวางแผนไว้เบื้องต้น 30 ศูนย์ทั่วประเทศ เพื่อให้บริการหลังการขายกับแท็บเล็ตของโครงการดังกล่าวที่มีปัญหา โดยจะมีแท็บเล็ตสำรองให้ใช้งานระหว่างซ่อม
สำหรับรายได้ของบริษัทที่ผ่านมามียอดขายกว่า 1,000 ล้านเหรียญฯ โดย 80% มาจากการส่งออก ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทส่วนใหญ่จะผลิตเกี่ยวกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ให้กับหลายบริษัท อาทิ หน้าจอเจวีซี ฮุนได ซัมซุง แดวู และอาค่า ส่วนแผนการทำตลาดในประเทศไทยนั้นมีความสนใจแต่ต้องดูอนาคตว่าจะมีสินค้าที่ทันสมัยกว่านี้หรือไม่ ถ้ามีก็อาจจะนำสินค้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง