“ เปิดเมืองใหม่ ”พร้อมแนวคิด “ การพัฒนาเมืองแบบ 2 ศูนย์กลาง ”
งานวิจัยนี้ จะเป็นตัวอย่างของการวางผังเมืองมาใช้ในการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมได้โดยไม่ต้องลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เราไม่ได้ห้ามการเติบโตหรือไม่ ให้มีการพัฒนา แต่ควรหลีกเลี่ยงที่จะพัฒนาชุมชนในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมซ้ำซากหรือพื้นที่ที่เป็นเส้นทางผ่านของน้ำ โดยควรทำเป็นพื้นที่รองรับน้ำ หรือฟลัดเวย์ และควรมุ่งเน้นไปพัฒนาในพื้นที่ที่ปลอดภัยมากกว่า
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ประเทศไทยตกอยู่ ในภาวะเสี่ยงจากน้ำท่วมรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งในระดับพื้นที่ สภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ดังเช่นเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ที่ได้สร้างความเสียหายอย่างมากในหลายพื้นที่ของประเทศ รวมถึงอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฏร์ธานี นับเป็นชุมชนขนาดใหญ่แห่งที่ 2 รองจากชุมชนเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นที่ตั้งของสถานี รถไฟและสนามบินสุราษฎร์ธานี มีเทศบาลเมืองท่าข้ามเป็นศูนย์ กลาง มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่กว่า 31,711 คน คิดเป็นร้อยละ 35.63 ของอำเภอพุนพิน และร้อยละ 63.8 ของประชากรอาศัยอยู่ ในเขตเทศบาลเมืองท่าข้าม ดังนั้น การเตรียมการณ์เพื่อรับมือต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น
แม้ที่ผ่านมาชุมชนมักประสบปัญหาน้ำท่วมจากภาวะน้ำล้นตลิ่งของแม่น้ำตาปี แม่น้ำพุมดวง และคลองสาขาในพื้นที่ชุมชนริมน้ำ
นางสาววนารัตน์ กรกิสารนุกูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนายั่งยืน คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะนักวิจัยและหัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า กรณีน้ำท่วมที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศถึงแม้ มองเป็นเรื่องของอนาคต แต่จะมีผลให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ที่ผ่านมาวิธีการหรือแนวทางแก้ ปัญหาน้ำท่วมนั้นส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องผังเมืองกันมากนักเพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่การวางผังเมืองที่ดีจะ ช่ วยแก้ปัญหาการเกิดน้ำท่วมในอนาคต และยังเป็นทางเลือกให้ชุมชนในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
“จากลักษณะของพื้นที่ที่ขนานไปกับเส้นทางน้ำ ตลอดระยะทางยาวกว่า 20 กิโลเมตร ประกอบกับเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำคล้ายแอ่งกระทะโอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้เมืองพุนพินมีแนวความเสี่ยงตามธรรมชาติ และโอกาสเกิดน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานาน แต่อันตรายที่เกิดจากน้ำท่วมที่
โครงการแนวทางการวางแผนด้านผังเมืองเพื่อรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนปลงสภาพภูมิ อากาศ : กรณีศึกษาปัญหาน้ำท่วมและแนวทางการจัดการน้ำท่วมในเขตผังเมืองรวมพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เป็นการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและการใช้ที่ดินในเขตผังเมืองรวมพุนพิน (ตั้งแต่ปี 2538-2556) ต่อความเสี่ยงน้ำท่วมของชุมชน และเพื่อวิเคราะห์ ความสามารถในการปรับตัวของชุมชน รวมถึงแนวโน้มความเสี่ยงน้ำท่วมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศและการใช้ที่ดินในอนาคต พร้อมเสนอทางเลือกในการบริหารจัดการพื้นที่ของชุมชนเพื่อรับมือต่อความเสี่ยงน้ำท่วมในอนาคต
ทั้งนี้ จากรายงานการศึกษาการเกิดอุทกภัยเมื่อปี 2554 ได้แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์น้ำท่วมในชุมชนเมืองและที่อื่นๆในจังหวัดสุราษฏร์ธานี เกิดจากฝนที่ตกต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน เกิดการสะสมจนเกินความสามารถในการรองรับน้ำ ของลำน้ำ ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนและพื้นที่ทางการเกษตรสร้างความเสียหายทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม สถานการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน
อาจารย์วนารัตน์ กล่าวว่า “งานวิจัยนี้ จะเป็นตัวอย่างของการวางผังเมืองมาใช้ในการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมได้โดยไม่ต้องลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เราไม่ได้ห้ามการเติบโตหรือไม่ ให้มีการพัฒนา แต่ควรหลีกเลี่ยงที่จะพัฒนาชุ มชนในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมซ้ำซากหรือพื้นที่ที่เป็นเส้ นทางผ่านของน้ำ โดยควรทำเป็นพื้นที่รองรับน้ำ หรือฟลัดเวย์ และควรมุ่งเน้นไปพัฒนาในพื้นที่ ที่ปลอดภัยมากกว่า จึงต้องมีการปรับการใช้ที่ดินโดยอาศัยวิธีการทางผังเมือง ซึ่งผลงานวิจัยนี้ได้เสนอให้มี การจัดทำแผนเมืองรวมพุนพิน และแนวทางการพัฒนาเมืองใหม่”
สำหรับการดำเนินการวางแผนด้านผังเมืองเพื่อลดความเสี่ยงนั้นมี แนวทางสำคัญ 5 ประการด้วยกัน คือ แนวคิดการพัฒนาเมืองแบบ 2 ศูนย์กลาง หรือ 2 เมือง(เก่าและใหม่) , การปรับปรุงข้อกำหนดการใช้ที่ดิน ,การออกข้อกำหนดอาคารในพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วม , การลดปัญหาน้ำท่วมโดยฟลัดเวย์ และพื้นที่รับน้ำ , การก่อสร้างและบำรุงกำแพงป้องกันน้ำท่วม
อาจารย์วนารัตน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า หลังจากได้ทำการศึกษาวิจัยจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนย้อนหลังโดยเฉพาะปริมาณฝนรวมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อการเกิดอุทกภัยมาวิเคราะห์ ซึ่งผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า แนวโน้มความเสี่ยงทั้งในแง่ ของความรุนแรง และความถี่ในการเกิดน้ำท่วมในอนาคตจากสภาพภูมิอากาศจะมี โอกาสเพิ่มมากขึ้น และบ่อยครั้งขึ้น และจากปริมาณฝนเฉลี่ยรายเดือนที่
นอกจากนี้ ผลการประเมินระดับความสูงของน้ำ ท่วมที่พบจากการสร้างแผนที่ ความสูงของน้ำท่วมในปี 2554 ด้วย GIS ซึ่งเป็นการนำระดับน้ำท่วมที่วั ดได้จากสภาพพื้นที่จริ งมากำหนดจุดลงบนแผนที่ และจำลองภาพขึ้นในคอมพิวเตอร์ พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตผังเมื องรวมพุนพิน ประสบปัญหาน้ำท่วมสูงตั้งแต่ ระดับ 0.1-6 เมตร โดยบริเวณที่มีระดับน้ำท่วมสูงมากที่สุด ได้แก่ บริเวณที่ลุ่มต่ำฝั่งทิศใต้ ของชุมชน ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อยที่สุด คือพื้นที่ฝั่งตะวันตก ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวปัจจุบันยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ มากนัก จึงเสนอให้เปิดเมืองใหม่ขึ้นเพราะเป็นพื้นที่ที่สูง ใกล้สนามบิน การคมนาคมสะดวก และปลอดภัยมากกว่า
โดยเมืองใหม่ จัดให้เป็นศูนย์กลางเมืองใหม่ สำหรับการพัฒนาเมืองทางการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจ รวมถึงให้เป็นพื้นที่สำหรับการขยายตัวของชุมชนหนาแน่น และไม่เสี่ยงต่อน้ำท่วม ส่วนเมืองเก่า จัดให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่
อย่างไรก็ตามผลการวิจัยนี้ เป็นเพียงการนำเสนอแนวคิดการพัฒนาเมืองใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ชุมชนในการจัดการน้ำท่วม โดยใช้ผังเมืองเป็นตัวกำหนดและควบคุมทิศทางการพัฒนาให้สอดรับกับพื้นที่ที่ เหมาะสม ที่สำคัญคือ เพื่อเป็นการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตและลดความเสี่ยงจากภาวะน้ำท่วมที่จะรุนแรงเพิ่
