สตง.ลุยตรวจผังเมืองเทศบาลพบผิดระเบียบเพียบ!ไร้ความปลอดภัยด้านอัคคีภัย
สตง. ลุยสุ่มตรวจ 8 เทศบาลเมือง-เทศบาลนคร ขยายผลจาก กม.ผังเมือง พบปัญหาเพียบ! เจ้าของอาคาร-ผู้ครอบครองป้ายไม่ปฏิบัติตามกฎ ไร้ความปลอดภัยด้านอัคคีภัย
การขยายตัวด้านการก่อสร้างอาคารและการผังเมือง ในเทศบาลนครและเทศบาลเมืองในจังหวัดต่างๆ ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบปัญหาเจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร และเจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร และมีการแจ้งเรื่องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดำเนินการแก้ไขปัญหารวมถึงการสอบยันสถานภาพดำเนินการกับผู้กระทำความผิดด้วย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ สตง. ได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารในเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมือง อันเป็นผลสืบเนื่องจากเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมืองในจังหวัดต่างๆ มีการขยายตัวด้านการก่อสร้างอาคารและการผังเมือง กระทรวงมหาดไทยจึงกำหนดเขตควบคุมอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัยการป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการออำนวยความสะดวกแก่การจราจร รวมทั้งการรองรับการขยายตัวของชุมชนในด้านการก่อสร้างอาคารซึ่งท้องที่ที่ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 นั้น จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บังคับพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หรือกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายที่จะประกาศให้ใช้กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในท้องที่ดังกล่าว ซึ่ง สตง.ตระหนักถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารในเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมืองจึงได้เลือกตรวจสอบการดำเนินงานดังกล่าว โดยสุ่มตรวจสอบเทศบาลนครและเทศบาลเมือง จำนวน 8 แห่ง เพื่อให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อเทศบาลนครและเทศบาลเมืองในการปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
โดยจากการตรวจสอบการก่อสร้าง ก่อสร้าง การก่อสร้าง ดัดแปลงอาคารหรือป้ายในเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบไม่เป็นไปตามกฎหมาย ดังนี้
1. เจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร
1.1. การก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการตรวจสอบเอกสารการดำเนินการกับเจ้าของอาคารที่กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคาร ปี พ.ศ. 2550 – 2559 ของฝ่ายควบคุมอาคารและผังเมือง สำนักการช่าง เทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบ พบว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 683ราย และดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 58 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 92.17 และ 7.83 ของจำนวนการดำเนินการกับเจ้าของอาคารที่กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคารทั้งหมด ตามลำดับ
กล่าวคือ เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ดำเนินการออกคำสั่งตามแบบของคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2528) และอยู่ในระหว่างบังคับการให้เจ้าของอาคารปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยเป็นการกระทำผิดกรณีก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตมากที่สุด จำนวน 537 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 522 ราย และดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 15 ราย
นอกจากนี้ จากการสังเกตการณ์อาคารในเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบ พบว่า ยังมีเจ้าของอาคารที่กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคาร กล่าวคือ มีการก่อสร้าง ดัดแปลงอาคาร โดยไม่ขออนุญาต หรือก่อสร้างผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
1.2 การเปลี่ยนการใช้อาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการตรวจสอบเอกสารการออกใบอนุญาตก่อสร้างฯ (อ.1) ของฝ่ายควบคุมอาคารและผังเมือง สำนักการช่าง เปรียบเทียบกับข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน (ผท.4) ซึ่งเป็นข้อมูลสะสม ของฝ่ายแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน สำนักการคลัง เทศบาลนครที่สุ่มตรวจสอบ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ เทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง และเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พบว่า ข้อมูลจำนวนอาคารประเภทควบคุมการใช้ที่ขออนุญาตฯ (อ.1) หรือขอเปลี่ยนการใช้ฯ (อ.6) มีความแตกต่างกัน
กล่าวคือ ระหว่างปี พ.ศ.2550 –2559 เทศบาลนครที่สุ่มตรวจสอบทั้ง 4 แห่ง มีอาคารประเภทควบคุมการใช้ที่ขออนุญาตฯ (อ.1) หรือขอเปลี่ยนการใช้ฯ (อ.6) กับฝ่ายควบคุมอาคารและผังเมือง สำนักการช่าง เพียง 2,368แห่ง แต่ข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน (ผท.4) ของฝ่ายแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน สำนักการคลัง มีอาคารประเภทควบคุมการใช้ จำนวน 13,375แห่งซึ่งมีความแตกต่างกันถึง 11,007แห่งแสดงว่า อาคารส่วนใหญ่อาจมีการเปลี่ยนการใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบอีก 4 แห่ง ไม่สามารถเปรียบเทียบกับข้อมูลอาคารประเภทควบคุมการใช้ที่ขออนุญาตฯ (อ.1) หรือขอเปลี่ยนการใช้ฯ (อ.6) กล่าวคือ เทศบาลเมืองชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นระบบ จึงไม่สามารถสอบทานความถูกต้องของข้อมูลได้และเทศบาลเมืองที่เหลือ 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลเมืองบ้านฉาง จังหวัดระยอง และเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน (ผท.4) มิได้ระบุปีที่ก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการณ์อาคารในเขตเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบทั้ง 4แห่ง พบว่ามีอาคารประเภทควบคุมการใช้ที่ไม่ได้ดำเนินการขอเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
1.3 อาคารไม่มีความปลอดภัยจากอัคคีภัยตามกฎกระทรวงที่กำหนด
จากการสังเกตการณ์อาคารในเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบรวมจำนวน 107 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม หอพัก ห้องเช่า โรงมหรสพ และสถานบริการ จำนวน 29 21 37 10 และ 10 แห่ง ตามลำดับ พบว่า อาคารส่วนใหญ่ไม่มีความปลอดภัยจากอัคคีภัยตามกฎกระทรวงที่กำหนด โดยมีสภาพปัญหาความไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัยสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ (1) ไม่มีป้ายผังบริเวณจำนวน 84 แห่ง (2) ไม่มีระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ จำนวน 62 แห่ง และ (3) ป้ายทางหนีไฟ จำนวน 58แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 78.50 57.94 และ 53.27ของอาคารที่สุ่มตรวจสอบทั้งหมด ซึ่งทั้ง 3ลำดับนี้ เป็นระบบและอุปกรณ์ความปลอดภัยจากอัคคีภัยที่กฎกระทรวง ฉบับที่ 39(พ.ศ. 2537)กำหนดให้อาคารต้องมีวิธีการเกี่ยวกับป้องกันอัคคีภัย
นอกจากนี้ อาคารที่มีความสูงตั้งแต่สี่ชั้นขึ้นไป จำนวน 49แห่ง โรงมหรสพ จำนวน 10 แห่ง และสถานบริการ จำนวน 10 แห่ง รวมทั้งสิ้น 69แห่ง ซึ่งกฎกระทรวงฯ ได้กำหนดมาตรการระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับประตูหนีไฟ และบันไดหนีไฟ แต่จากการสังเกตการณ์ ปรากฏว่า อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 4ชั้นขึ้นไป
ไม่มีประตูหนีไฟหรือมีแต่ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 36 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 73.47 ของอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 4ชั้นขึ้นไปทั้งหมดที่สุ่มตรวจสอบ เช่นเดียวกับโรงมหรสพ และสถานบริการไม่มีประตูหนีไฟหรือมีแต่ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 6และ 8แห่ง ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 60ของโรงมหรสพทั้งหมดที่สุ่มตรวจสอบ และร้อยละ 80ของสถานบริการทั้งหมดที่สุ่มตรวจสอบ
2. เจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร
จากการตรวจสอบเอกสารการดำเนินการกับเจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายที่กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคาร ปี พ.ศ. 2550 – 2559 ของฝ่ายควบคุมอาคารและผังเมือง สำนักการช่าง เทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลนครขอนแก่น และเทศบาลเมืองชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และเทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 44ราย และดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 1 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 97.78 และ 2.22 ของจำนวนการดำเนินการกับเจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายที่กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคารทั้งหมด ตามลำดับ
ขณะที่เทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่เหลือ 5 แห่ง ที่สุ่มตรวจสอบ ได้แก่ เทศบาลเมืองแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครระยอง และเทศบาลเมืองบ้านฉาง จังหวัดระยอง และเทศบาลนครภูเก็ต และเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ยังไม่มีการสำรวจจำนวนป้ายทั้งหมดในพื้นที่รับผิดชอบจึงไม่ทราบ
จำนวนป้ายที่ผิดกฎหมายควบคุมอาคารว่ามีจำนวนเท่าใด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเอกสารการออกใบอนุญาตก่อสร้างฯ (อ.1) ของฝ่ายควบคุมอาคารและผังเมือง สำนักการช่าง เปรียบเทียบกับข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน (ผท.4)ซึ่งเป็นข้อมูลสะสม ของฝ่ายแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน สำนักการคลังของเทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบทั้ง 5แห่ง พบว่า จำนวนป้ายที่ขออนุญาตฯ (อ.1) มีน้อยกว่าจำนวนป้ายในทะเบียนทรัพย์สิน (ผท.4) แสดงว่า ส่วนใหญ่อาจมีการติด/ตั้งป้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและอาจมีความเสี่ยงในด้านความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัย
นอกจากนี้ จากการสังเกตการณ์ป้ายในเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมือง พบว่า ยังมีเจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายที่กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคาร กล่าวคือ จากการสังเกตการณ์ป้ายในเขตเทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบ ปรากฏว่า ยังมีป้ายซึ่งเจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายติดหรือตั้งโดยไม่ขออนุญาต ตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
สาเหตุ
1. ไม่มีการตรวจสอบเจ้าของอาคารและป้ายอย่างครบถ้วนให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
2. ไม่มีการสอบยันข้อมูลการใช้อาคารและการติดตั้งป้าย ของสำนักการช่าง กับการจัดเก็บ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีป้าย ของสำนักการคลัง
3. ไม่มีการสอบยันข้อมูลสถานภาพการดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคารกับฝ่ายนิติการ กองวิชาการและแผน สำนักปลัดเทศบาล
ข้อเสนอแนะ
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อเสนอแนะให้นายกเทศมนตรีพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1. กำหนดให้มีแผนการตรวจสอบในแต่ละปีและดำเนินการตรวจสอบตามแผน หากพบการฝ่าฝืน/ไม่ปฏิบัติให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
2. กำหนดให้มีการสอบยันข้อมูลการใช้อาคารและการติดตั้งป้าย ของสำนักการช่าง กับการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีป้าย ของสำนักการคลัง หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารหรือการติดตั้งป้ายโดยไม่ขออนุญาต ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
3. กำหนดให้มีการสอบยันสถานภาพการดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายควบคุมอาคารกับฝ่ายนิติการ เพื่อให้ข้อมูลถูกต้องตรงกัน และเป็นปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในรายงานการตรวจสอบ สตง.ยังระบุถึงปัญหาเรื่องการดำเนินงานไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทยด้วย โดยจากการตรวจสอบ พบว่า เทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่สุ่มตรวจสอบไม่ได้ดำเนินการหรือดำเนินการแต่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย จำนวน 6 แห่ง และ มีเพียง 2แห่ง ที่ได้ดำเนินการ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่สอบถามกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ถึงผลการการดำเนินการตามหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 7,853 แห่ง ใน 77 จังหวัด ซึ่ง สถ. ได้มีหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ มท 0804.5/4933 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 แจ้งว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 มีจังหวัดรายงานข้อมูลมายัง สถ. แล้ว จำนวน 33 จังหวัด ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลการรายงานฯ พบว่า มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้ดำเนินการตามหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย สำหรับจังหวัดที่เหลือ 44จังหวัด มิได้มีการรายงานให้ สถ. ทราบ และอาจมิได้มีการดำเนินการตามหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย
และกรณีนี้ อาจจะต้องมีการสอบสวนกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องบางรายด้วย