ทรัมป์ขู่ตั้งกำแพงภาษีรถยนต์ยุโรป 20%
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันศุกร์ ว่าสหรัฐจะตั้งกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้าทุกประเภทจากยุโรป 20% เพื่อตอบโต้กำแพงภาษีและมาตรการกีดกันการค้าของสหภาพยุโรป ( อียู ) ด้วยการให้ผู้ประกอบการเข้ามาเปิดโรงงานในอเมริกาให้มากขึ้น ปัจจุบันรัฐบาลวอชิงตันเรียกเก็บภาษีอัตรา 2.5% ต่อรถยนต์ส่วนบุคคลประกอบเสร็จจากประเทศสมาชิกอียู และ 25% สำหรับรถกระบะ ส่วนอียูเรียกเก็บภาษีรถยนต์ประกอบเสร็จของสหรัฐในอัตรา 10% เท่ากันทุกประเภท
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐออกแถลงการณ์ว่า จะมีการจัดทำประชาพิจารณ์ในหัวข้อเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่าง "ผลกระทบด้านความมั่นคง" กับการนำเข้าชิ้นส่วนยานพาหนะและยาพาหนะแบบประกอบเสร็จเป็นเวลา 2 วัน ในเดือนก.ค. นี้ โดยผู้ประกอบการรถยนต์ของยุโรปที่มีสำนักงานอยู่ในสหรัฐและบรรดาตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยุโรปในอเมริกาต้องส่งรายงานภายในวันที่ 28 มิ.ย. นี้
ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีและบริษัทผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ของเยอรมนี ซึ่งรวมถึงโฟล์คสวาเกน เดมเลอร์ และบีเอ็มดับเบิลยู ยังสงวนท่าทีต่อคำขู่ของทรัมป์ ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมนี ( วีดีเอ ) ระบุสถิติการส่งออกรถยนต์ทุกยี่ห้อไปยังอเมริกาเหนือรวมกัน 657,000 คันเมื่อปีที่แล้ว ลดลง 7% จากสถิติของปี 2559 อย่างไรก็ตาม บริษัทผลิตรถยนต์ของเยอรมนีเปิดโรงงานในสหรัฐมากขึ้น และสามารถประกอบรถยนต์เพื่อจำหน่ายในสหรัฐรวมกัน 804,000 คัน เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของผู้นำสหรัฐเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่กำแพงภาษี 25% ของอียู ต่อสินค้าของสหรัฐที่คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,800 ล้านยูโร ( ราว 108,080 ล้านบาท ) มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เพื่อตอบโต้กำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐในอัตรา 25% และ 10% ที่มีผลบังคับใช้ต่อแคนาดา เม็กซิโก และอียู ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา.
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/foreign/650863

