กรุงเทพฯ 12 ก.ค.2561 นางคาริน ฮัลส์ฮอฟ ผู้อำนวยการยูนิเซฟประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ได้เข้าพบ นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในศตวรรษที่ 21 ให้แก่เยาวชนในประเทศไทย
นางฮัลซ์ฮอฟกล่าวในที่ประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “โลกของการทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การเตรียมตัวเด็กให้พร้อมสำหรับงานที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพออีกต่อไป เราต้องเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับงานดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คนหนุ่มสาวมีลดน้อยลงขณะที่ต้องดูแลคนสูงอายุที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การสร้างความพร้อมให้กับหนุ่มสาวเหล่านี้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ในขณะที่ นายแพทย์ ธีระเกียรติ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำพันธมิตรจากหลายภาคส่วนโดยเฉพาะภาคเอกชน มาร่วมรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยได้กล่าวว่า “ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญอย่างมากในเรื่องนี้ เราต้องการให้บริษัทต่าง ๆ ร่วมมือกับเราในแง่การฝึกอบรมทักษะ เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีคุณสมบัติเหมาะสมและตรงกับความต้องการของงานในภาคเอกชน โลกของการศึกษากับโลกของอาชีพการงานไม่ควรแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แต่จะต้องประสานสอดคล้องกัน”
นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย พร้อมชี้ถึงความจำเป็นในการเพิ่มเติมทักษะที่เหมาะสมกับการทำงานในศตวรรษที่ 21 ให้แก่เยาวชนไทย โดยกล่าวว่า “ทักษะเช่น ความคิดสร้างสร้างสรรค์ ความคล่องแคล่ว และการริเริ่มประกอบธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีสอนทั่วไปในระบบการศึกษาของเรา แต่ทักษะเหล่านี้ก็ทวีความสำคัญยิ่งขึ้น และเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดแรงงานของไทยในอนาคตอันใกล้”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยูนิเซฟได้ประกาศโครงการ “วาระเพื่อเยาวชน” (Young People’s Agenda) ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่หนุ่มสาวทั่วโลกเผชิญอยู่ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2561โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่คนหนุ่มสาวทั่วโลก และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เด็กขณะที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สองของชีวิต
ในการประชุมครั้งนี้ ยูนิเซฟและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ตกลงที่จะร่วมมือในแผนวาระเพื่อเยาวชนแห่งประเทศไทย โดยจะมีการเพิ่มเติมในเรื่องของการศึกษา การฝึกอบรม และโครงการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างอนาคตที่ดีขึ้นของเด็กและสังคม และเพื่อเป็นการปูทางให้แก่เด็กในการเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต
นอกจากนี้ ในส่วนของการดำเนินงานด้านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (Equitable Education Fund) รัฐมนตรีฯ ได้รับทราบถึงการมีส่วนร่วมของยูนิเซฟอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขอให้ยูนิเซฟมีบทบาทในการดำเนินงานเกี่ยวกับกองทุนอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะด้านการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการจัดสรรงบประมาณในโครงการการศึกษา ตลอดจนติดตามการใช้งบประมาณให้ไปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด
การประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังการเยือนประเทศไทยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ของผู้อำนวยการยูนิเซฟประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ในระหว่างการเยือน นางฮัลซ์ฮอฟได้พบกับภาคีหุ้นส่วนรายสำคัญและเยี่ยมชมโครงการที่ยูนิเซฟให้การสนับสนุนในประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กที่อ่อนแอที่สุดในประเทศ รวมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับงานที่ยูนิเซฟประเทศไทยและภาคีหุ้นส่วนกำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นอกจากนี้ นางฮัลซ์ฮอฟยังได้เยี่ยมเยียนนักเรียนชาวเขาในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลทางเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ได้รับการสนับสนุนจากยูนิเซฟ นักเรียนจากชุมชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับการศึกษาแบบพหุภาษาโดยใช้ภาษาแม่เป็นฐาน รวมทั้งครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชุมชนขนาดเล็กในกรุงเทพฯ ที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดของรัฐบาล และคนหนุ่มสาวในกรุงเทพฯ ที่ติดเชื้อเอชไอวี