เสื้อแดงถึงทางแยก รัก-ชัง"ทักษิณ" ค้าน"ปรองดอง"ฉบับกลับบ้าน

ท่าทีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ขอร้องให้ มวลชนเสื้อแดงหันมาสนับสนุนการปรองดอง ลืมความขัดแย้งในอดีตแม้กระทั่งว่า เลิกเอาผิดกับคนที่อยู่เบื้องหลังการออกคำสั่งใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ม็อบเสื้อแดงเม.ย.- พ.ค. 2553 สร้างความสับสนในขบวนการเสื้อแดงมาก เพราะขัดกับจุดยืนของแกนนำนปช. ที่เคยประกาศจะลากคอฆาตกร 91 ศพมาลงโทษเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดขึ้นกับการเมืองไทยอีก
เนื้อหาคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่วีดีโอลิงค์ ในงานชุมนุมใหญ่รำลึก 2 ปี 19 พ.ค.2553 ครั้งนี้ หลายประโยคสะท้อนออกมาดังๆ
“ถามว่าวันนี้แน่นอน เราเจ็บ แต่เราควรคิดให้ดีว่าเราควรเริ่มต้นกันใหม่ไหม ถามว่าอยากปรองดองไหม ผมต้องถามกลับว่าถ้าไม่อยากปรองดองก็ไม่เป็นไร ผมก็อยู่เมืองนอกของผมต่อไป เพราะตอนนี้อยู่จนชิน แต่ถ้ามีการปรองดองเมื่อไหร่ ผมก็ได้มีโอกาสกลับไปตอบแทนพี่น้อง
“แต่ถ้าบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องตอบแทน ไปเถอะอยู่เมืองนอกเถอะ สู้กับมันต่อไป
ผมก็ไม่ว่าอะไรจริงๆ แต่ว่าพี่น้องต้องหยุดตั้งสติคิดว่าแล้วใครได้แล้วใครเสีย อย่างที่ผมบอกว่าถ้ารบกันต่อไป พ่อค้าอาวุธได้ประโยชน์อย่างเดียว ในที่นี้คือผู้ที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย คือ ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายเขา ก็คือผู้ที่กำลังมีความสุขกับสิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้น ขัดแย้งต่อไปคนส่วนใหญ่ลำบาก
“ผมหวังว่าการกล่าวสปีดของผมในต่างแดนครั้งนี้ เนื่องในวันครบรอบที่รำลึกถึงการสลายการชุมนุมครั้งนี้ คงจะเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าบ้านเมืองจะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อที่เราจะได้ไปร่วมกันรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันประชาธิปไตยของเรา”
กล่าวได้ว่า นับแต่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ชัยชนะกลับมา ได้เปลี่ยนวิธีการต่อสู้ใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือ การนิรโทษกรรมเพื่อเดินทางกลับไทยโดยไม่ต้องคดีติดตัว โดยหันมาเล่นบทปรองดอง ประนีประนอมกับฝ่ายอำมาตย์ ทำให้ขบวนการเสื้อแดงแตกแยกออกเป็นสองแนวคิด ด้านหนึ่งสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ อีกด้านจากกลุ่มแดงก้าวหน้าคัดค้านสุดตัว เพราะต้องการให้กระบวนการยุติธรรมได้จัดการกับ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงเม.ย.- พ.ค. 2553 ก่อน
จำแนกสายพันธุ์แดง
ขบวนการเสื้อแดงที่ใหญ่โตในปัจจุบัน หากจำแนกแล้วส่วนใหญ่เป็น แดงที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายแค่เพียงให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านและสนับสนุนการทำงานของพรรคเพื่อไทยให้ได้เป็นรัฐบาลต่อไป
อย่างไรก็ตามในส่วนของกลุ่ม “แดงทักษิณ” นี้สามารถแยกย่อยได้เป็นอีกหลายก๊ก กลุ่มใหญ่สุดคือ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เน้นการตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อยู่เคียงข้างพรรคเพื่อไทย และมีอำนาจ มีตำแหน่งในรัฐบาล อีกกลุ่ม คือ แดงอุดรธานี ที่มี ขวัญชัย ไพรพนา เป็นแกนนำ เน้นการสร้างพื้นที่แดงในภาคอีสาน สนับสนุนการปรองดอง
อีกส่วนเป็น แดงหัวก้าวหน้า ที่ก้าวพ้นจากพ.ต.ท.ทักษิณไประดับหนึ่ง เป้าหมาย คือ การสร้างระบอบประชาธิปไตยโดยมีจุดยืน ให้มีการตรวจสอบองค์กร สถาบันต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่สถาบันสูงสุดผ่านข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา)
ในกลุ่มแดงหัวก้าวหน้านี้ซึ่งเกี่ยวโยงด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่คล้ายกัน แต่อาจมีแนวทางที่แตกต่างกันบ้าง แยกย่อยได้หลายก๊ก เช่น กลุ่มแดงสุดโต่งของกลุ่มของใจ อึ๊งภากรณ์ จักรภพ เพ็ญแข กลุ่มแดง 24 มิถุนา ของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข เน้นขบวนการแรงงาน กรรมกร กลุ่มแดงเครือข่ายประชาธิปไตย กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงของ สมบัติ บุญงามอนงค์ เน้นทำกิจกรรมสีสัน ใช้คนจำนวนไม่มาก กลุ่มแดงวิชาการ ไม่มีแกนนำชัด แต่มีคณาจารย์นิติราษฎร์ และคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 เป็นตัวขับเคลื่อน
แดงก้าวหน้ากลุ่มนี้มีเสียงดังและมีอิทธิพลทางความคิดกับชนชั้นกลาง คนรุ่นใหม่ และไม่เห็นด้วยกับการปรองดองของพ.ต.ท.ทักษิณ
แม้ขบวนการเสื้อแดงในปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ทางแยกที่แหลมคม แต่ก็ยังมีจุดร่วมเดียวกัน คือ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อตรวจสอบฝ่ายตุลาการ การตั้งองค์กรอิสระชุดใหม่ การขจัดตุลาการภิวัฒน์ในรัฐธรรมนูญ2550 ที่สำคัญ เมื่อยังไม่มีทางเลือกอื่นก็จำเป็นต้องเกาะเป็นแนวร่วมเดียวกันไว้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมิฉะนั้นขบวนการจะอ่อนแอ และเข้าทางฝ่ายตรงข้าม
เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ มีท่าทีชัดเจน กล่าวขอบคุณคนเสื้อแดงมาพายเรือมาส่ง แต่จากนี้ต้องสละทิ้งเรือ และใช้พาหนะอื่นดันขึ้นเขาเพื่อการนิรโทษกรรม ทำให้เสื้อแดงกลุ่มก้าวหน้าค่อนข้างผิดหวังแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างรุนแรง
"ทีมสำนักข่าวอิศรา" ไล่เรียงความรู้สึกของ ปัญญาชน นักวิชาการฝ่ายแดงกลุ่มต่างๆ ดังนี้
สมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เห็นว่า การปรองดองที่แท้จริง ต้องไปถึงความจริงให้ได้ก่อน มิฉะนั้น ก็ไม่รู้ว่า มันคืออะไร ดังนั้น เวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า จะปรองดอง ก็ไม่เป็นไร แต่การอ้างว่า ได้รู้ความจริงหลายเรื่อง ส่วนตัวคิดว่า สังคมไทยยังไม่รู้ ก็ถึงเวลาที่ต้องมีการเปิดเผยความจริงในหลายๆเรื่องก่อน เพราะขนาด พล.อ.สนธิ บุญรัตยกลิน อดีตผู้นำการปฏิวัติ 2549 ก็ยังไม่พูดความจริงว่า ใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร
“ถ้าเราเริ่มจากความจริงแล้ว มันก็จะมีทางออกในเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าให้บอกว่า เลิกๆ กันไป ก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะถ้าอย่างนั้น มันก็เป็นบาดแผลของสังคมอีก ซึ่งมันจะหายช้า เราจำเป็นต้องสร้างภูมิต้านทานในอนาคตจากเหตุการณ์ปราบประชาชนก่อน ทั้งหมดมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”
เสนอปรองดอง 2 ขยัก
ชาวบ้านก่อนแกนนำ-ฝ่ายตรงข้าม
สมบัติ เสนอว่า การปรองดองในสูตรที่ควรจะเป็นคือ การออกพรบ.นิรโทษกรรม แต่ต้องทำสองขยัก ขยักแรกนิรโทษกรรมชาวบ้านก่อน เช่น กลุ่มที่โดนคดีเผาศาลากลาง ซึ่งวันนี้หลายคนติดคุกอยู่ ทั้งนี้ คดีเผาศาลากลางไม่ใช่เพราะเขาเป็นอาชาญกร แต่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง เหมือนเหตุการณ์ทางการเมือง 14 ตุลา 2516 พฤษภาทมิฬก็มีการเผา ในส่วนนี้ควรให้อภัย รวมถึงนิรโทษกรรมผู้ต้องหาที่ต้องคดีมาตรา 112 ด้วย
ขยักที่สอง กลุ่มชนชั้นนำ รัฐบาลที่แล้วเช่น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำกองทัพ หรือ แกนนำหลักๆ ที่สังคมยังติดใจ แต่เราอาจแขวนคนกลุ่มนี้ไว้ก่อน โดยทิ้งเวลาให้มีการอภิปรายไปสู่การนิรโทษกรรมขยักที่สอง เช่น เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการอย่างไหนทถึงจะเรียกว่า พอยอมได้หรืออย่างไหนที่ต้องดูว่า มันต้องมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง
“พออภิปรายถึงจุดหนึ่ง ถ้าเห็นว่า คุณอภิสิทธิ์ คุณสุเทพ ทหาร แกนนำผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย จะต้องรับผิดชอบมากน้อยขนาดไหน และในสถานการณ์สังคมเวลานั้นด้วยว่า มันจะเป็นประโยชน์แค่ไหน ที่จะลงโทษกันให้เข็ดหลาบจำไปเลย หรือ จะลงโทษกันอย่างไร แต่ผมคิดว่า มันต้องทีละขั้นตอนแยกประชาชนออกมาก่อนมันถึงจะง่ายขึ้น เพราะตอนนี้มันปนกันอยู่ เพราะในกระบวนการยุติธรรมมันยังต้องใช้เวลาอยู่ระดับหนึ่ง”
เมื่อถามว่า ขบวนการเสื้อแดง จะไปอย่างไรจากนี้ สมบัติเห็นว่า ต้องยอมรับว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเติบโตของมวลชน เพราะเขาก็เป็นเหยื่อจากการรัฐประหาร ดังนั้น เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกระทำซ้ำซากมันก็ปลุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจไม่ชอบธรรม โดยผ่านเรื่องราวของพ.ต.ท.ทักษิณ และผ่านกระบวนการยุบพรรคไทยรักไทยไม่เป็นธรรม แต่การที่คนออกมาสู้และยอมตายที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เรื่องสงสาร พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเดียว เพราะระหว่างการต่อสู้ มีการคุยเรื่องประชาธิปไตยกันมาก รวมถึงอนาคตของสังคม คุณภาพชีวิตของคนในประเทศ ที่มันจะดีขึ้นหากมีตัวแทนที่มาจากประชาชน ดังนั้น แม้มันยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางของประชาธิปไตย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงขบวนรถไฟก่อน มันก็รู้สึกว่าต้องตั้งลำกันใหม่
“เรื่องที่คุณทักษิณพูดในช่วงท้ายหลังๆ มา มันไม่ค่อยสอดคล้องกับความรู้สึกนึกคิดของประชาชนดังนั้น คุณทักษิณจึงนำไม่ได้ การพูดครั้งล่าสุดของคุณทักษิณ จึงเห็นเลยว่า การคล้อยตามของมวลชนแทบไม่มี ไม่มีใครบอกว่า ทักษิณ พูดถูก เราต้องลืมอดีต นปช.ก็ไม่ได้ออกมาพูดว่าเห็นด้วย แต่บอกว่า เคารพในความเห็นต่าง”
สมบัติ ชี้แดงสับสน
ถามกลับ ใครส่งทักษิณ
แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวว่า วันนี้ประเด็นมันอยู่แค่ว่า ขบวนการเสื้อแดงจะไปอย่างไร เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ขอกระโดดลงจากรถไฟแล้ว ช่วงนี้จึงอยู่ระหว่างการอภิปรายกันในขบวนว่าจะเอากันอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่า มันทำให้เกิดความสับสนพอควร แต่ไม่ได้หมายความว่า ต้องให้เลือกระหว่างต้องการประชาธิปไตย กับต้องการ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทุกคนยืนยันว่า เราจะต้องสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อ ปัญหาคือ ถ้าไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นกำลังหลัก และเป็นแม่เหล็กสำคัญแล้ว ขบวนที่เหลือจะเดินไปอย่างไร แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่า ไปได้ เพราะการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั่วโลกมันไปได้เสมอ อีกทั้ง ช่วงหลัง 19 พ.ค. 2553 ก็ไม่มีแม้แต่แกนนำนปช. คนเสื้อแดงยังมาได้
“ที่บอกว่า ทักษิณเงินเยอะ ต้องใช้เงิน แต่เราใช้เงินไม่ต้องเยอะก็ได้ ถ้าจัดกิจกรรมให้มีประสิทธิภาพแบบ โลว์คลอส การชุมนุมโดยไม่ต้องใช้เงิน ทำได้ ผมก็ทำมาแล้ว ผมใช้ผ้าไม่กี่บาทต่างคนต่างมา หรือ จะจัดเสวนา จัดเวที เอาพอประมาณ ไม่ใช่จัดถี่ๆ เปลืองเงินเล่น ไม่ต้องเช่าโรงแรม ห้องประชุมหรอก เช่าศาลาวัดก็ทำได้ เพียงแต่เรายังรู้สึกอาลัยอาวรณ์พวกที่โปรที่ทักษิณมากๆ แต่ตัวผมไม่มีความอาลัย อาวรณ์”
สมบัติ ระบุว่า ในการขับเคลื่อนมวลชนของกลุ่มเขา ไม่ได้มาส่งพ.ต.ท.ทักษิณ แต่พ.ต.ท.ทักษิณกระโดดขึ้นขบวนมา แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นคนสำคัญที่ขึ้นมา แต่ที่ผ่านมาเราก็พูดชัดเจนว่า เราสู้เพื่อประชาธิปไตย เราไม่ได้สู้เพื่อทักษิณ จึงสามารถวิจารณ์สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดได้เต็มที่
“คุณทักษิณต้องหันกลับมาดูใหม่ว่า1. คุณนั่งอะไรมา เรือ หรือนั่งอะไรมา 2. วันนี้มันถึงเป้าหมายแล้วหรือ ที่คุณบอกมาส่งคุณ ถามกลับกัน เขามาส่งคุณจริงๆ หรือ อันนี้เอาให้ชัดดังนั้น ผมต้องต่อสู้เรื่องนิยาม ความหมายเรื่องนี้ให้ดีว่า ขบวนที่มา มันเป็นขบวนอะไร เพื่อวัตถุประสงค์อะไร เพื่อมาส่งทักษิณ หรือไปสู้เป้าหมายที่มันสูงกว่าบุคคล สำหรับผมรอบนี้มันเป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล อย่างที่อ.ใจ อึ้งภากรณ์พูด คุณทักษิณไม่ได้สำคัญขนาดนั้น คุณไม่ใช่ภารกิจประวัติศาสตร์ คุณเป็นตัวละครหนึ่งในประวัติศาสตร์ ”
สมบัติ กล่าวว่า ขบวนการเสื้อแดงในวันที่พ.ต.ท.ทักษิณ ขอไปปรองดองก่อน จะต้องสู้ไปสู่การสร้างภารกิจประวัติศาสตร์เพื่อประชาธิปไตยแบบสมบูรณ์แบบ ถึงแม้จะช้าบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหาและก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะไม่ต้องมีเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ มาให้กวนใจฝ่ายตรงข้าม
“คือผมก็รำคาญเรื่องทักษิณ ผมก็พูดหลายทีแล้วว่า ให้ทักษิณเบาๆ หน่อย หยุด อย่าโฟนอิน เคลื่อนไหวก็อย่าออฟไซด์ประชาชนเยอะ มันก็ไป แย่งซีนประชาชนหลายครั้ง ดังนั้น รอบนี้ อาจเป็นข้อดีต่อขบวนการประชาธิปไตยจริงๆ คุณทักษิณก็พอแก่เหตุแล้ว เหน็ดเหนื่อยมาขนาดนี้แล้ว ใครเหลืออยู่ก็เคลื่อนไหว ก็อวยพรกันให้ต่างคนต่างโชคดี คุณทักษิณก็ขึ้นเขาให้สูงที่สุด เพื่อให้ถึงยอดเขา เสื้อแดงก็เดินทางต่อไปถึงสถานีต่อไป ประชาธิปไตย ไม่เป็นไรถ้าวันหนึ่งผมเจอคุณทักษิณซึ่งผมไม่เคยเจอ ไม่เคยรับการติดต่ออจากเขา ผมก็จะถามเขาว่า ถึงยอดเขาหรือยัง เป็นอย่างไรบ้าง ส่วนผมก็ต้องมาประเมินกันว่า ในขบวนประชาธิปไตย มันมีสถานีต่อไปจริงหรือไม่ นอกจากสถานีทักษิณแล้ว หรือ มันไม่มีสถานีอื่นแล้ว เพราะรถไฟที่เรารออยู่มันก็ไม่มาเสียที”
สมบัติ กล่าวต่อว่า ขบวนเสื้อแดงที่จะไปต่อไป ก็ต้องเริ่มต้นคุยเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปกฎหมาย ผลักดันให้มีระบบไพรมารี่โหวตมาใช้ก่อนการเลือกตั้ง การตรวจสอบถ่วงดุล ต่อต้านการคอรัปชั่น ทำให้สังคมมีสิทธิเสรีภาพ ประเด็นเหล่านี้ เหลือง แดง อาจจะคุยกันได้โดยไม่มีเงา พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ซึ่งหวังลึกๆ อย่างนั้น กรณีนี้อาจเป็นวิธีการก้าวข้ามทักษิณโดยพ.ต.ท.ทักษิณ เอง ดังนั้นจากนี้เวลาชุมนุมเสื้อแดงก็ไม่ต้องไปถือป้ายทักษิณ หรือใส่รูปทักษิณ พอได้แล้ว
เรื่องที่พท.-นปช.ลืมทำ
ค้นความจริง - ปล่อยนักโทษ
ด้าน ยุกติ มุกดาวิจิตร หนึ่งในคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก. 112) และอาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับท่าทีของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้ปรองดอง โดยไม่พูดถึงการค้นหาความจริง กระบวนการยุติธรรมที่ต้องสิ้นสุดลงก่อน และยังมีผู้ได้รับความเดือดอีก คือ นักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังอันเป็นผลจากเหตุการณ์เม.ย.- พ.ค. 2553 เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า คนเหล่านี้ควรที่จะถูกปล่อยออกมาก่อน รวมถึง นักโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาตรา 112 ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นผลพวงจากความขัดแย้งทางการเมืองเช่นกัน ถึงได้เกิดการจับกุมจำนวนมาก ดังนั้น หากพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่นำประเด็นเหล่านี้มาพูดด้วย การปรองดองที่แท้จริงก็ยังไม่เกิดขึ้น![]()
“การชุมนุมรำลึกปีนี้ต่างจากปีที่แล้วมาก ในแง่ความตื่นตัวมีสูงกว่า ปีที่แล้ว ยังกล้าๆ กลัว แต่ครั้งนี้ มีประเด็นเรื่องมาตรา 112 ชัดขึ้น มีการเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมือง การดำเนินคดีกับผู้สั่งการใช้ความรุนแรง ฉะนั้น ความหมายของการชุมนุมในปีนี้จึงมากกว่าปีที่แล้ว คุณภาพของคนเสื้อแดงที่แสดงออกทางการเมืองจึงเข้มข้นขึ้น และเรายังได้เห็นคนเสื้อแดงเบื่อทักษิณไม่ใช่น้อย ดังนั้น อย่าประเมินว่า คนเสื้อแดงที่ไม่เอาการปรองดองน้อยเกินไป”
ยุกติ มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหาแนวร่วมในเรื่องการปรองดอง แต่เขากลับยิ่งเจอเสียงต่อต้านมากขึ้น โดยเฉพาะนักวิชาการ ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ว่า ถ้าประเด็นเรื่องแก้มาตรา 112 อยู่นอกสายตาของพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วทำไมถึงมีแกนนำนปช. และ สส.พรรคเพื่อไทย วางพวงหรีดงานศพอากง จำนวนมาก ทั้งที่เรื่อง อากง พรรคเพื่อไทยพยายามบอกว่าไม่เกี่ยว กรณีนี้จึงประเมินได้ว่า ประเด็น 112 แรงจริง
“ผมว่า อาจมีการรวมกลุ่มของคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปรองดองของคุณทักษิณที่ให้ลืมกันไป โดยไม่ค้นหาความจริง ไม่เอาคนผิดมาลงโทษ ไม่ปล่อยนักโทษการเมือง ถ้ารวมกลุ่มได้ ซึ่งผมคิดว่า มันมีโอกาสสูงเพราะคนเริ่มรับไม่ได้กับ พรรคเพื่อไทยและนปช.มากขึ้น แต่จะเป็นแกนนำจากมวลชนธรรมชาติ ไม่โยงเชื่อมกับพรรคการเมือง ซึ่งคนเหล่านี้ได้สร้างเสื้อแดงขึ้นมา แน่นอนว่า คุณทักษิณ มีคนรากหญ้าที่สนับสนุนเขา แต่ระหว่างต่อสู้ เขาก็เรียนรู้อะไรมาเยอะ พูดได้ว่า ตาสว่าง เขาก็มีความก้าวหน้า อุดมการณ์ ที่กำลังก้าวขึ้นมา ซึ่งวันนี้วาระทางสังคมมันก้าวหน้าไปเร็วกว่า ตัวนักการเมืองและแกนนำนปช.”
เชื่อแค่โยนหินถามทาง
ไม่มีทางกลับลำได้
ขณะที่ อานนท์ นำภา ทนายความเสื้อแดง กลุ่มแดงก้าวหน้า กลับมองว่า การพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีลักษณะเกรงใจมวลชนอยู่ เป็นการ โยนหินถามทาง หยั่งกระแสเพื่อฟังเสียคนเสื้อแดงอีกครั้งว่า ต้องการปรองดองหรือไม่ ยังเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังไม่หักกลุ่มต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยในขบวนการเสื้อแดงแม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีธงเรื่องกลับบ้าน การนิรโทษกรรมปรองดอง พอสมควร เพราะยังมีเสียงต้าน และคนเสื้อแดงเพิ่งเสียชีวิตมาได้ไม่นาน นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาเต็มที่
“เท่าที่ผมได้คุยกับเสื้อแดงหลายพื้นที่เขาเห็นตรงกันว่า ถ้าจะปรองดองโดยปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล เขาไม่เห็นด้วยแน่ๆ ที่จะให้มีการเจ๊ากันไป อย่างที่เชียงราย เขาก็ค่อนข้างไม่พอใจในคำพูดคุณทักษิณแต่ก็มีมวลชนเสื้อแดงอีกส่วนที่พยายามเข้าใจคุณทักษิณ
ว่า คุณทักษิณ อาจต้องพูดไปตามบทเฉยๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมว่า คุณทักษิณเป็นคนฉลาด ถ้าเสียงมวลชนดังขึ้นระดับหนึ่ง ผมว่า แกต้องทบทวนว่า กระบวนการมันควรจะไปอย่างไร เขาไม่ต้องการกลับไทยแล้วเห็นคนเสื้อแดงแตกกันเองแน่ และผมว่า ลึกๆ แล้ว คุณทักษิณอาจมีแนวคิด เอาคนสั่งการประชาชนมาลงโทษโดยผ่านทางโรเบิรต์ อัมสเตอร์ดัม ก็ได้ ส่วนแกนนำนปช. ผมก็ยังเชื่อว่า เขาต้องการเอาฆาตกรมาลงโทษเช่นกัน ”
ทนายเสื้อแดงชี้ว่า ประเด็นสำคัญ วันนี้ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ามาสลายการชุมนุมคนใด ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ยังไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งยังมีตำแหน่งทางการเมืองเช่นเดิม อย่างไรก็ตามสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือ นิรโทษกรรมชาวบ้านก่อน ซึ่งประเทศไทยเคยออกพรบ.นิรโทษกรรมในลักษณะเดียวกันกับผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และถ้าจะปรองดองก็ควรให้ทุกคดีความกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ก่อนรัฐประหาร 19 กันยา ตามข้อเสนองคณาจารย์นิติราษฎร์
เมื่อถามว่า เสื้อแดงแบ่งเป็นกี่กลุ่ม อานนท์ กล่าวว่า แม้จะดูเหมือนมีหลายกลุ่ม แต่จริงๆก็มีกลุ่มเดียวที่ออกมาต่อสู้อำมาตย์ และ สองมาตรฐาน ส่วนใครจะมีความรัก พ.ต.ท.ทักษิณมากน้อยแค่ไหน เป็นเฉพาะตัวบุคคล ส่วนแกนนำระดับบนหรือระดับล่างที่เป็นตัวแทนพรรคเขาก็ต้องการพื้นที่ทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หัวใจจริงๆ ของเสื้อแดงเป็นเรื่องสองมาตรฐานไม่เอาอำมาตย์และชนชั้น ในโลกไซเบอร์ก็เหมือนกัน ที่วิพากษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณดีหรือไม่ แต่ในภาพรวมคนเสื้อแดงก็ยังไปในทิศทางเดียวกันอยู่ในเรื่องชนชั้น
เสียงวิจารณ์ที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทิ้งคนเสื้อแดงกลุ่มก้าวหน้า เพราะเป็นอุปสรรคต่อการกลับไทย ทนายเสื้อแดง กล่าวว่า เขาเห็นตรงกันข้าม โดยคิดว่า พ.ต.ท. ทักษิณให้ความสำคัญกับกลุ่มแดงก้าวหน้า หรือ แดงอุดมการณ์มากกว่าแดงที่ไปเชียร์พรรคด้วยซ้ำ เพราะแดงกลุ่มนี้เป็นอาวุธที่สำคัญมากกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะใช้ในการต่อรองกับฝ่ายอำนาจอีกขั้ว
“คุณทักษิณสนับสนุนแดงก้าวหน้าเยอะอยู่ ไม่งั้น คนที่เป็นนักโทษการเมือง ไม่ได้ขึ้นเวทีหรอก รวมทั้ง คนที่เคลื่อนไหวเรื่องชนชั้น คุณทักษิณก็ให้พื้นที่มากๆ เพราะคนที่อยู่ฝ่ายก้าวหน้าจะเป็นอาวุธให้คุณทักษิณในอนาคต ถ้าคุณต้องการที่จะสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงนะ”
