'ป๋าเปรม' ปลุกคนในชาติ ตะเพิดคนไม่ดี-คนโกง ออกไปจากสังคม
พล.อ.เปรม เปิดงานป้องกันทุจริตเชิงนโยบายของ ป.ป.ช. เชื่อใครเอาชาติไทยไปทำไม่ดีไม่งาม จะได้รับรับความชั่วไปชั่วชีวิต บอกไม่ห่วง ครม. น่าจะเป็นคนดี-รักชาติ หวังยึดมั่นคำปฏิญาณอย่างเคร่งครัด
วันที่ 25 พฤษภาคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดงานสัมมนา เผยแพร่มาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดการสัมมนา และนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ และประธานเครือข่ายศิลปินเพื่อการปฏิรูป อ่านบทกวีตอน "แมงโกง" และ "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" พร้อมด้วยการบรรเลงขลุ่ย จากนายธนิสร์ ศรี กลิ่นดี ขับกล่อมเปิดงาน
จากนั้น นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวต้อนรับประธานองคมนตรี และกล่าวถึงงานสัมมนาในครั้งนี้ด้วยว่า เกิดขึ้นจากการที่ ป.ป.ช.ศึกษาวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ถึงสภาพและสาเหตุของปัญหาทุจริตเชิงนโยบาย โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งก่อให้เกิดผลเสียหายต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคมและประเทศชาติ โดยที่ผลการศึกษาพบว่า มาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย ได้ข้อสรุปเป็นมาตรการย่อย 12 มาตรการ จึงเห็นว่าควรมีการเผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้รับทราบเนื้อหา ข้อเสนอและความคิดเห็นของแต่ละมาตรการ รวมทั้งได้จัดให้มีการอภิปรายและแสดงความคิดเห็น เรื่องทางออกสังคมการเมืองไทย พ้นภัยทุจริตด้วย
ขณะที่พลเอกเปรม กล่าวตอนหนึ่งถึงการมาร่วมงานของ ป.ป.ช.ในวันนี้ทำให้ได้พบปะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายท่าน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ต่างมีหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองและแผ่นดินสูง ซึ่งจะมาร่วมกันคิดและแก้ปัญหาของชาติที่ร้ายแรงมาก และกำลังเป็นปัญหาที่ฉุดชาติของเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้ยาก
"ปัญหาเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไข และเป็นปัญหาที่ยากมา ซึ่ง ป.ป.ช.มีหน้าที่โดยตรง ที่ต้องรับผิดรับชอบการแก้ไขปัญหานี้ และผมภูมิใจมากที่ได้มามีส่วนช่วยในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน คำกล่าวต่อไปนี้ของผมอาจไม่ไพเราะ ไม่สนุก ไม่ชวนฟัง และหากฟังฟังเผินๆ อาจคล้ายว่าผมกำลังตำหนิ กล่าวหา กล่าวโทษ คนหรือองค์กรต่างๆ แต่ผมขอเรียนว่า ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น เจตนาของผมบริสุทธิ์และทุกท่านคงทราบดีว่า ผมไม่มีอำนาจหน้าที่ตำหนิหรือกล่าวโทษผู้ใดหรือองค์กรใด เพียงคิดว่าความปรารถนาดีนี้จะช่วยชาติบ้านเมืองของผม ของคุณและของคนไทยได้บ้าง"
พลเอกเปรม กล่าวถึง คำว่า ทุจริต ภาษาชาวบ้าน คือ การโกง ส่วนจะปราบคนโกงอย่างไรนั้น ตนมั่นใจว่า ป.ป.ช.ต้องการความร่วมมือ กำลังใจ ความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากผู้มีเกียรติ ที่มีความรู้ มีพลัง มีความภูมิใจและเต็มใจจะร่วมกันออกแรงมากๆ อย่างเต็มกำลังทุกภาคส่วน บ้านเมืองอันเป็นที่รัก ที่อยู่อาศัย ที่ประกอบสัมมาอาชีวะเพื่อเลี้ยงตนและครอบครัวของเรา น่าจะสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
"ผมเห็นว่า การโกง เป็นโรคร้ายแรง รักษาให้หมดไปจากโลกนี้ไมได้ อย่างประเทศสิงคโปร์ที่นับว่ามีการโกงน้อยที่สุดในโลก ก็ยังมีการโกงอยู่ ทั้งนี้ องค์กรที่จัดลำดับการโกง ได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 80 จาก 183 ของประเทศทั่วโลก และเป็นลำดับที่ 10 จาก 26 ประเทศในประเทศภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นลำดับที่ไม่น่าจะเป็นที่พอใจ แต่ก็มั่นใจจริงๆ ว่า ด้วยน้ำพักน้ำแรงและร่วมมือร่วมใจของคนไทย เราจะสามารถลดลำดับที่ขึ้นป้ายให้น้องลงได้" ประธานองคมนตรี กล่าว และว่า หากทุกคน ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน เข้าใจตรงกันและยอมรับถึงความเลวร้ายของการโกง รวมทั้งพร้อมเพียงในการป้องกันและปราบปรามการโกงอย่างจริงจังและจริงใจก็จะแก้ปัญหาได้ ก็อยากขอร้องคนไทยทุกคน ในประเทศที่เรารัก และอาศัยอยู่ว่า เป็นหน้าที่ของพวกทุกคน ที่จะช่วยทำบ้านเมืองของเราให้สะอาด น่าอยู่ น่าภูมิใจขึ้น
ประธานองคมนตรี กล่าวถึงเอกสารของ ป.ป.ช. ที่คำนิยามคำว่า "การทุจริตเชิงนโยบาย" ด้วยว่า เป็นการทุจริตที่เกิดจากผู้กำหนดนโยบายสาธารณะ และบ่งชัดว่า คือ คณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เมื่อได้อ่านคำนิยามดังกล่าวและตรึกตรองดูแล้ว เห็นว่าหาก ครม.เป็นผู้กำหนดนโยบายสาธารณะก็ไม่น่าจะเป็นห่วง เพราะ ครม.น่าจะเป็นกลุ่มคนดี คนฉลาด คนที่มีความรู้ ความสำนึกดีและน่าจะเป็นคนที่รักชาติ ทำงานเพื่อชาติ อีกทั้ง ยังต้องถวายสัตย์ปฏิญาณตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ และรักษาคำปฏิญาณอย่างเคร่งครัด จึงเห็นว่าไม่น่าจะวิตกหรือมีปัญหา เว้นแต่บังเอิญ คนไทยจะโชคไมดี
"คณะรัฐมนตรีทุกท่านอาสาสมัครเข้ามาเพื่อปกครองชาติบ้านเมืองและมีสัญญาว่าจะพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า สะอาด ไม่ด่างพร้อย ฉะนั้น ก็จำต้องรักษาสัญญา สังคมไทยยังมีผู้ตรวจการแผ่นดิน และส่งเสริมจริยธรรมทางการเมือง ช่วยด้วยอีกทาง อย่างไรก็ตาม จริยธรรมอย่างเดียวก็นับว่าดี แต่ถ้าพ่วงคุณธรรมไปด้วยก็จะสมบูรณ์ที่สุด"
ประธานองคมนตรี กล่าวอีกว่า "เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน" ซึ่งเป็นประโยคที่ตนชอบพูด และจะพูดต่อไป แม้จะไม่ค่อยมีคนชอบฟังนัก เพราะหากมีคนเห็นด้วยกับการตอบแทนคุณแผ่นดินมากๆ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง คนไทยน่าจะช่วยกันสร้างคนดีในประเทศให้มีเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะไม่มีคนไม่ดีในประเทศ ในชาติบ้านเมืองของเรา ต้องช่วยกันพูดว่า การทำความดี จะทำให้ชีวิตเป็นสุข จงช่วยสอนคนอื่น สอนลูกหลานและสอนญาติมิตรให้เชื่อว่าการทำความดีทำให้ชีวิตราบรื่นและคุ้มค่าความเป็นคน
"ผมอยากให้พวกเราช่วยกันเชิญคนดีเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ และเชิญคนไม่ดีออกไปจากสังคมคนดี เชิญให้คนไม่ได้ไปอยู่ในส่วนสังคมของคนไม่ดี ผมเชื่อว่าชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีคนไทยเป็นเจ้าของ ใครจะเอาชาติไทยไปทำไม่ดีไม่งาม จะได้รับรับความชั่วไปชั่วชีวิต"
ประธานองคมนตรี กล่าวด้วยว่า หวังว่าการสัมมนานี้จะช่วยเตือนให้คนในชาติ สำนึกรู้ว่า 1.การโกงเป็นสิ่งไม่ดี น่าละอายและชั่วร้าย 2.ผู้ใดโกงเมื่อถูกจับได้จะรับเคราะห์กรรมทั้งตนเอง ครอบครัว ลูกหลานและวงศ์ตระกูล 3.ผู้ใดเป็นคนโกง คนจะชี้หน้าด่าทอว่า กำลังทรยศ หักหลังชาติของคุณเอง 4.ชาติของเราจะถูกเหยียดยาม ดูหมิ่น ดูแคลนจากนานาประเทศ จนอาจถึงกับรังเกียจที่จะคบหาสมาคมด้วย และ5.จะทำให้คนไทยรักชาติและคิดช่วยชาติ ไม่ยอมให้ใครดูหมิ่นเหยียดหยามชาติของเรา และขอให้พระสยามเทวาธิราชย์คุ้มครองคนดี คนไม่โกง และขอให้พระสยามเทวาธิราชย์สาปแช่ง คนไม่ดี คนโกง