สอบวินัยร้ายแรงซ้ำผอ.สถานพินิจฯเอารถหลวงใช้ส่วนตัว
กรมพินิจฯ สอบวินัยร้ายแรงผอ.สถานพินิจฯ พิจิตร นำรถหลวงใช้ส่วนตัว หลังศาลทุจริตสั่งจำคุก 5 ปี หากผิดจริงมี 2 ทางเลือก ปลดออก-ไล่ออก
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวถึงกรณีศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 สั่งจำคุก 5 ปี นางนุสรา แสนนาม ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดพิจิตร ฐานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ กรณีนำรถหลวงไปทำธุระในวันหยุดราชการ ขณะดำรงตำแหน่งผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี2551-2554 สมัยที่นางนุสรา ย้ายไปเป็นผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ และได้สั่งใช้รถส่วนกลางของสถานพินิจฯ รับส่งเช้า-เย็นระหว่างโรงแรมที่พักและสถานพินิจฯ ในระยะทาง 1 กิโลเมตร และใช้รถส่วนกลางทำธุระส่วนตัว โดยมีการร้องเรียนไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งป.ป.ท.ก็ได้ส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนส่งฟ้องศาล และศาลอาญา คดีทุจริตฯ มีคำพิพากษาจำคุก 5 ปีดังกล่าว
นายสหการณ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการสอบสวนทางวินัย กรมพินิจฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเมื่อปี 2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปผลสอบคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการกระทรวงยุติธรรม (ก.ยธ.) ลงมติได้ภายในปลายเดือนต.ค.นี้ หากมีความผิดวินัยร้ายแรงจริงก็มีโทษ 2 อย่าง คือ ไล่ออกหรือปลดออก ทั้งนี้ ข้อมูลที่นางนุสราให้ถ้อยคำไว้กับคณะกรรมการสอบสวนว่าเส้นทางระหว่างที่พักและสถานที่ทำงานไม่มีรถประจำทาง ซึ่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ใช่สถานแรกรับและไม่มีการควบคุมตัวเด็ก จึงไม่มีบ้านพักข้าราชการ แต่ข้าราชการสามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ โดยตำแหน่งผู้อำนวยการจะไม่มีรถยนต์ประจำตำแหน่งและไม่มีค่ารถยนต์ให้ ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวที่จะต้องหารถมาทำงานและออกค่าใช้จ่ายเอง เมื่อนำรถส่วนกลางมาใช้ก็ถือว่ามีความผิด ซึ่งระเบียบและกฎหมายก็ได้ระบุชัดเจนห้ามใช้ทรัพยากรของทางราชการโดยไม่ชอบ
เมื่อถามว่า คำพิพากษาของศาล ก.ยธ. จะนำมาประกอบการพิจารณาทางวินัยด้วยหรือไม่ นายสหการณ์ กล่าวว่า การสอบสวนทางอาญาและทางวินัยเป็นคนละทางกัน แต่คำพิพากษาอาญาบางส่วนเชื่อมโยงกับพ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เรื่องคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกก็ถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ แต่ขณะนี้คดียังไม่ถึงที่สุด นางนุสรายังสามารถใช้สิทธิ์อุทธรณ์และฎีกาได้
ที่มาข่าว: https://www.dailynews.co.th/politics/669600

