'คาวานอห์' นั่งตุลาการศาลฎีกาสหรัฐแม้มีเรื่องฉาว
นายเบรตต์ คาวานอห์ รับตำแหน่งตุลาการศาลสูงสุดของสหรัฐคนที่ 114 หลังได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงเฉียดฉิว และท่ามกลางการประท้วงอย่างหนักของประชาชน จากข้อครหาการล่วงละเมิดทางเพศ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่าวุฒิสภาสหรัฐมีมติเสียงข้างมากอย่างฉิวเฉียด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รับรองนายเบรตต์ คาวานอห์ ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลฎีกาคนที่ 114 โดยการลงคะแนนของบรรดาวุฒิสมาชิกเป็นไปตามพรรคของตัวเองแทบทั้งหมด นั่นคือ 50 เสียงสำหรับพรรครีพับลิกัน และ 48 เสียงสำหรับพรรคเดโมแครต ยกเว้นนายโจ แมนชิน วุฒิสมาชิกรัฐเวสต์เวอร์จิเนียของพรรคเดโมแครตย้ายไปออกเสียงสนับสนุน และนายสตีฟ เดนส์ วุฒิสมาชิกรัฐมอนแทนาของพรรครีพับลิกัน ลากิจตรงกับวันลงมติพอดี แต่เป็นการยื่นเรื่องไว้นานแล้ว
ทั้งนี้ การรับตำแหน่งของคาวานอห์จะเพิ่มทิศทางการพิพากษาคดีของศาลสูงสุดไปในทางเอียงขวามากขึ้น ด้วยสัดส่วน 5 ต่อ 4 อย่างไรก็ตาม ผลการลงมติที่ออกมาซึ่งถือว่าเป็นคะแนนเสียงอนุมัติผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลสูงสุดของสหรัฐด้วยส่วนต่างใกล้เคียงที่สุด นับตั้งแต่การลงมติรับรองนายสแตนลีย์ แมทธิวส์ ซึ่งทำเนียบขาวต้องเสนอชื่อซ้ำถึง 2 ครั้ง ก่อนได้รับการรับรองด้วยคะแนนเสียง 24 ต่อ 23 เมื่อปี 2424 ขณะเดียวกัน การรับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาของคาวานอห์ วัย 53 ปี เกิดขึ้นท่ามกลางประเด็นถกเถียงอย่างหนักในสังคมอเมริกัน คล้ายคลึงกับกรณีนายคลาเรนซ์ โธมัส ได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลฎีกา ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู.บุช เมื่อปี 2534 นั่นคือประเด็นการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ
ขณะที่คาวานอห์สาบานตนรับตำแหน่งภายในเวลาอันรวดเร็วหลังทราบผลการลงมติ ต่อหน้านายจอห์น โรเบิร์ตส ประธานศาลฎีกา และผู้ที่คาวานอห์รับตำแหน่งแทน นั่นคือนายแอนโธนี เคนเนดี ตุลาการศาลฎีกาซึ่งขอเกษียณอายุในวัย 82 ปี โดยพิธีสาบานตนที่อาคารศาลฎีกาเกิดขึ้นท่ามกลางการประท้วงอย่างหนักของประชาชนจำนวนมาก อันเนื่องมาจากข้อครหาว่าคาวานอห์ล่วงละเมิดทางเพศต่อผุ้หญิงอย่างน้อย 3 คน หนึ่งในนั้นคือนางคริสติน เบลซีย์ ฟอร์ด อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งยืนยันว่าเหตุการร์เกิดขึ้นในสมัยทั้งคู่เรียนอยู่ชั่นมัธยมปลาย ด้านคาวานอห์ยืนกรานปฏิเสธ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าฟอร์ด "จำผิดคน"
ที่มาข่าวจาก : https://www.dailynews.co.th/foreign/670049

