จ่อฟัน'แก๊งปลัด' เป็น 10 ข้อหา เจอปลอกกระสุนคาแคมป์
จากกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานฯไทรโยค จ.กาญจนบุรี สนธิกำลังหลายฝ่าย บุกเข้าตรวจค้นพื้นที่ 2 จุด ได้แก่ ป่าเขาพลู และสำนักสงฆ์เต่าดำ หมู่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค เพื่อเก็บหลักฐานทางคดีไปตรวจสอบ หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการจับกุมคณะ นายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย กับพวกรวม 12 คน ที่กำลังเดินทางออกจากป่า พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง โดยพบหลักฐานเป็นขาหมีขอ 4 ข้าง แต่ทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์แต่อย่างใด ส่วนซากสัตว์ดังกล่าวได้มาจากชาวบ้านที่นำมาขายให้ ด้านตำรวจไม่ปักใจเชื่อ นอกจากนี้ ปลัดคนดังกล่าวยังถูกสั่งให้ออกจากราชการแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ต.ค. นายพนัชกร โพธิบัณฑิต รักษาการหัวหน้าชุด ฉก.พญาเสือ และเป็นหัวหน้าอุทยานฯไทรโยค จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ซากที่พบวานนี้ (8 ต.ค.) ดูแล้วน่าจะเป็นของหมีขอ ส่วนจะเป็นตัวเดียวกันกับที่เจออุ้มตีนหรือไม่ ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยวัตถุพยานที่เพิ่งไปค้นเจอ ประกอบด้วย เศษขน เศษกรามเชื่อว่าน่าจะเป็นของหมีขอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เจอในจุดจับกุมตรงบริเวณที่ได้มีการไปตั้งแคมป์พักนอน จึงได้มอบให้พนักงานสอบสวนนำไปประกอบหาความเชื่อมโยงทางด้านคดี ก่อนจะส่งหลักฐานต่างๆ ไปให้หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยืนยันว่าเป็นซากของหมีขอ
"จากการไปตรวจสอบพื้นที่ที่เราได้ไปคุมตัวครั้งแรก เจอปลอกกระสุนปืนซึ่งยิงแล้ว ดังนั้นจะมีอีก 1 ข้อหาที่ต้องแจ้งเพิ่มเติมคือ ยิงปืนในเขตอุทยานฯ" นายพนัชกร กล่าว
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นายวัชรชัย กับพวกตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 9 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันเก็บหานำออกไป ทำด้วยประการใดๆให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ยางไม้ น้ำมันยาง น้ำมันสน แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ, ร่วมกันนำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์, ร่วมกันนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้นเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่, ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไปเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่และปฏิบัติตามเงื่อนไขซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้อนุญาตนั้นกำหนดไว้
ร่วมกันล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองเว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้น, ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองเว้นแต่จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตาม, ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด, ร่วมกันเก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ และครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงคราม
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/regional/670474

