จับตา “พม่า” เตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนของ “พม่า” เปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่ “ออง ซาน ซูจี” ได้รับอิสรภาพ และทุกย่างก้าว ทุกความเคลื่อนไหวของพม่าก็เป็นที่จับตามองจากโลกภายนอก เนื่องด้วยพม่าอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เป็นขุมทองแห่งใหม่นักลงทุนจากนานาประเทศ ในขณะที่พม่าเองก็พยายามอย่างแรงกล้าที่จะทะลายกำแพงที่ปิดกั้นประเทศมายาวนานออกไปให้หมดสิ้น เพื่อนำพาประเทศยืนหยัดอย่างมั่นคงบนเวทีโลก เริ่มจากการนำประเทศก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
รัฐบาลพม่า ส่งสัญญาณหลายประการที่แสดงให้เห็นถึงแสงสว่างเรืองรองที่เปล่งประกายให้พม่าโดดเด่น โดยเฉพาะการที่ "พม่า" จะต้องเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียน ในปี 2557 เป็นสัญญาณที่มีนัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของพม่า
เชื่อว่า นับจากวันนี้ไป พม่ามีแต่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้า เพราะในด้านการเมือง การเจรจาสงบศึกกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยซึ่งมีมากถึง 16 กลุ่ม ก็ประสบความสำเร็จด้วยดีตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพรัฐฉานของเจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานของชาวไทยใหญ่ หรือกะเหรี่ยง KNU ที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนไทยด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นสัญญาณบวกต่อความปรองดองและการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยของพม่าชัดเจนมากขึ้น
แม้พม่าจะปิดประเทศเป็นเวลายาวนาน แต่พลันที่เปิดประเทศ ก็ได้มีการวางรากฐานในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นแบบแผน ที่สามารถกล่าวได้ว่า “พม่าลึกล้ำ” โดย
ด้านการปกครอง มีสิงคโปร์เป็นต้นแบบ
ด้านการลงทุน มีจีนและเกาหลีเป็นต้นแบบ
ด้านการพัฒนาตลาดทุน มีญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ
ด้านการเกษตร มีเวียดนามเป็นต้นแบบ
นอกจากนี้ พม่า ยังมีประชากรมากถึง 50 ล้านคน ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่เตะตานักลงทุนจากทั่วโลก รวมถึงไทย...
ด้วยเหตุนี้ จึงมั่นใจได้ว่า ประเทศที่แสนจะล้าหลังชาวบ้านในแทบทุกด้าน แต่ร่ำรวยทรัพยากรเป็นอันมากประเทศนี้ จะเดินหน้าสู่ความรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน
“พม่า จึงเป็นโอกาสที่อลังการ ประเทศไทยซึ่งอยู่ใกล้ชิดมากที่สุด ได้เห็นโอกาสนี้หรือยัง ? เรายังขาดการบูรณาการ เชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ทางการค้าการลงทุนร่วมกันระหว่างไทยและพม่า”
ภาคเกษตรกรรม ยังเป็นหัวใจของพม่า เพราะเป็นแหล่งรายได้หลักของประชากรในประเทศ พม่าเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีพื้นที่ราบเหมาะแก่การทำเกษตรมากที่สุด โดยมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 678,500 ตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะที่ราบลุ่มแม่น้ำอิระวดี ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของพม่า เป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญอีกแห่งของโลกที่จะรองรับการสร้างความมั่นคงทางอาหารแก่พลเมืองโลก
ข้าว เป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญ และพม่ามีพื้นที่ปลูกข้าวมาก ซึ่งหากมีการพัฒนาด้านพันธุ์ข้าวทั้งในแง่ของการเพิ่มคุณภาพและผลผลิต ก็เชื่อว่าพม่าจะไม่เป็นรองใครในตลาดข้าวโลก ซึ่งไทยจะต้องเดินหน้าปรับยุทธศาสตร์ข้าวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี.เข้าไปลงทุนในพม่ามาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบันกล่าวได้ว่าวางรากฐานด้านการเกษตรในพม่าไว้อย่างมั่นคง ทั้งด้านการผลิตอาหารสัตว์ และการปศุสตว์ ฯลฯ และเมื่อพม่าเปิดประเทศจึงเป็นโอกาสดีที่จะต่อยอดธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น
การก้าวเข้ารับบทบาทประธานอาเซียนของพม่า น่าจะส่งผลเชิงบวกต่อไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากไทยเป็นสมาชิกอาเซียนที่มีความสัมพันธ์ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านกับพม่า จึงน่าจะได้อานิสงส์จากการปฏิรูปทางการเมืองของพม่าซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อพม่าและอาเซียน ในขณะเดียวกันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพม่าเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นประธานอาเซียนก็จะช่วยเอื้อโอกาสการขยายตัวทางการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับพม่า
จะเห็นได้ว่า พม่า...ขยับปรับเปลี่ยนตัวเองรับกับโลกที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ในขณะที่ไทยยังติดกับดักทางการเมือง ที่ฉุดดึงให้เศรษฐกิจตกต่ำ พม่ากำลังก้าวไปข้างหน้า...ส่วนไทยจะหยุดอยู่กับที่ หรือ เดินถอยหลังต้องกลับไปคิดดู...
