'ทรัมป์' ป้อง กม. ควบคุมปืน หลังเหตุกราดยิงโบสถ์ยิว
ความคืบหน้าเหตุชายผิวขาวกราดยิง 11 ศพ ที่โบสถ์ชาวยิว ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ของสหรัฐฯ ล่าสุด อัยการตั้งข้อหาฆาตกรรมกับผู้ก่อเหตุแล้ว ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายควบคุมปืนในประเทศ
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเช้าวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น ที่โบสถ์ชาวยิว "ทรี ออฟ ไลฟ์" ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ของสหรัฐฯ โดยคนร้าย ซึ่งเป็นชายผิวขาว ทราบชื่อคือ นายโรเบิร์ต บาวเวอร์ส วัย 46 ปี ได้เปิดฉากยิงระหว่างพิธีในโบสถ์ จากนั้นอีก 20 นาทีต่อมา คนร้ายได้ยิงปะทะกับตำรวจที่ระดมกำลังเข้าปิดล้อมจุดเกิดเหตุ จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะยอมมอบตัว
เบื้องต้น มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน บาดเจ็บอีก 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีตำรวจรวมอยู่ด้วย 4 นาย ส่วนอีก 2 คนเป็นพลเรือน และอยู่ในอาการสาหัส
จากการสอบสวนตำรวจสันนิษฐานว่า เป็นการก่อเหตุเพียงลำพัง และแรงจูงใจน่าจะมาจากความเกลียดชัง เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีแนวคิดขวาจัด และเหยียดเชื้อชาติ โดยจากการตรวจสอบประวัติการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ พบการโพสต์ข้อความและภาพที่ล้วนมีเนื้อหาเกลียดชังชาวยิว นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เขาได้ร้องตะโกนว่า ชาวยิวทุกคนต้องตาย ในขณะก่อเหตุด้วย
ล่าสุด อัยการสหรัฐฯตั้งข้อกล่าวหา 29 กระทง ซึ่งรวมถึงการเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางลงพื้นที่เมืองพิตต์สเบิร์ก ได้สั่งลดธงครึ่งเสาทั่วประเทศเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต รวมถึงประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีสมาชิกชุมชนชาวยิวครั้งรุนแรงที่สุดในสหรัฐฯ
พร้อมกันนี้ ทรัมป์ยังย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืนในประเทศ โดยเขาเชื่อว่า หากคนในโบสถ์มีปืนไว้ป้องกันตนเอง โศกนาฏกรรมเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
ขณะที่ศาลาว่าการกรุงเทลอาวีฟ ของอิสราเอล ได้เปิดไฟเป็นสีธงชาติสหรัฐฯ เพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับเหยื่อทุกคน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยังได้แสดงความเสียใจและให้กำลังใจกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคน เช่นเดียวกับบรรยากาศที่เมืองพิตต์สเบิร์ก มีประชาชนหลายร้อยออกมาร่วมวางดอกไม้และทำพิธีจุดเทียนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุกคน

